วันอังคาร ที่ 11 มิถุนายน 2567
หุ้นไทยวันนี้ 10 มิ.ย.67 บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมิน SET คาด SET เผชิญปัจจัยลบหลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐประจำเดือนพ.ค. สูงกว่าคาด หนุน bond yield สหรัฐ ปรับขึ้น สร้างความกังวลต่อความไม่แน่นอนการลดดอกเบี้ยเฟด ด้านแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1320 และ 1310 จุด ตามลำดับ ส่วนการฟื้นตัวยังถูกจำกัดที่แนวต้าน 1340-1345 จุด ต้องขึ้นทะลุผ่านก่อนถึงเกิดสัญญาณรีบาวด์ช่วงสั้นมอง SET ยังเปราะบาง โดยได้รับแรงกดดันจากประเด็นความเสี่ยงทางการเมืองในประเทศที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะกดดันให้ SET ยัง Underperform ตลาดหุ้นในภูมิภาค ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของ กนง. คาดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% เช่นเดิม ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศคาดยังไร้สัญญาณบวกใหม่ในสัปดาห์นี้ อาทิ เงินเฟ้อ พ.ค. ของสหรัฐและจีนคาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้น MoM ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของเฟดคาดจะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.50% แต่คาดจะมีปรับ dot plot ลดดอกเบี้ยในปีนี้น้อยกว่าคาดการณ์เดิมที่ 3 ครั้ง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ตลาดหุ้นไทย ยังได้รับแรงกดดันจากความเสี่ยงทางการเมืองในประเทศกดดันให้ SET ยัง Underperform ตลาดหุ้นในภูมิภาค ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศคาดยังไร้สัญญาณบวกใหม่ในสัปดาห์นี้ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1.หุ้นที่คาด 2Q67 กำไรจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง นอกจากนี้ยังเป็นหุ้นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวชนะตลาดได้ YTD เลือก ICT (ADVANC) TOURISM (MINT) และ FOOD (TU BTG OSP)
2.หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากการเข้าสู่บรรยากาศแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร 2024) ในช่วงวันที่ 14 มิ.ย.-14 ก.ค. 67 เลือก ADVANC TRUE CPALL CPAXT BJC MINT TU
3.หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการผลิต (โดยเฉพาะจีน) และผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนปัจจัยบวกดังกล่าว เลือก KCE SCGP PTTGC
4.สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Bent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
HANA มองได้อานิสงส์บาทอ่อนค่า และผลการดำเนินงานจะทยอยฟื้นตัวใน 2Q67 และคาดจะฟื้นตัวชัดเจนใน 2H67 แรงหนุนจากวงจรการเปลี่ยนสมาร์ทโฟน AI ธุรกิจ RFID และธุรกิจ PMS ขณะที่คาดไม่ได้รับผลกระทบจากราคาทองแดงและทองคำที่เพิ่มขึ้น เพราะสามารถส่งผ่านต้นทุนวัตถุดิบไปยังลูกค้าได้
KBANK มองราคาหุ้นยัง Laggard และปี 2567 คาดกำไรจะยังอยู่ในระดับทรงตัวได้ YoY จากการเติบโตของสินเชื่อที่ 3%, NIM ที่หดตัวลง 3 bps, credit cost ที่ลดลง 13 bps, non-NII ที่ลดลง 9% และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ในระดับทรงตัว ขณะที่ยังมีแนวโน้มจ่ายปันผลดี คาดให้ Div. Yield ปีนี้ราว 5.3%