วันพุธ ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566
วาไรตี้ (Variety) สื่อบันเทิงชั้นนำของสหรัฐฯ รายงานอ้างตัวเลขจากทางการจีนว่า ในช่วงสัปดาห์ตรุษจีนที่ผ่านมาคนจีนออกไปตีตั๋วดูหนังจีนกันเป็นจำนวนไม่น้อยจนทำให้ตัวเลขบ็อกซ์ ออฟฟิศพุ่งขึ้นไปสูงถึง 6,760 ล้านเหรียญ ซึ่งพอเห็นตัวเลขดังกล่าวแล้วก็ให้อิจฉาประเทศเขายิ่งนัก
เพราะรายได้จากการขายตั๋วหนังที่อีกนิดเดียวก็จะแตะหลัก 1,000 ล้านดอลลาร์ได้นั้นเป็นรายได้ที่มาจาก ‘หนังจีน’ แทบจะทั้งสิ้น
นำทัพโดยภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์เรื่อง Full River Red ของปรมาจารย์ จางอี้โหมว ที่กวาดรายได้ไปถึง 465 ล้านดอลลาร์ จากการฉายในโรงภาพยนตร์เพียงแค่ 8 วัน
ตามมาด้วย The Wandering Earth 2 ภาคต่อของหนังไซไฟเรื่องดังที่เก็บเกี่ยวรายได้ไป 378 ล้านดอลลาร์ อันดับ 3 เป็นหนังแอนิเมชันเรื่อง Boonie Bears: The Guardian Code ที่ทำรายได้ไป 136 ล้านดอลลาร์
ส่วนเรื่องที่ทำรายได้รองลงมาคือ Hidden Blade หนังสายลับช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อันดับ 4 เป็นหนังแอนิเมชันสำหรับเด็กเรื่อง Deep Sea อันดับ 5 คือหนังคอเมดี้เรื่อง Five Hundred Miles
ที่บอกว่าน่าอิจฉาก็เป็นเพราะว่าตอนนี้รัฐบาลจีนเริ่มเปิดทางให้หนังฮอลลีวู้ดเข้าไปฉายในประเทศได้แล้ว และหนังฝรั่งที่กำลังลงโรงฉายในแดนมังกรอยู่ขณะนี้ก็คือภาพยนตร์อภิมหาฟอร์มยักษ์อย่าง Avatar: Way of Water ที่ฉายมาได้เพียงเดือนกว่า ๆ ก็กวาดรายได้ทั่วโลกทะลุ 2.1 พันล้านดอลลาร์ ขึ้นแท่นหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลอันดับ 4 ไปได้เป็นที่เรียบร้อย
อย่างในบ้านเรา The Way of Water ทำรายได้เฉพาะในแถบกรุงเทพฯ ปริมณฑล และเชียงใหม่ทะลุ 360 ล้านบาทแล้วเพราะคนไทยยังตีตั๋วเข้าดูหนังเรื่องนี้กันอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีหนังเข้าใหม่หลายเรื่อง รวมถึงหนังไทยให้เลือกดูกัน แต่คนก็ยังเลือกดูอวตาร 2 กันเป็นจำนวนมากอยู่ดี
ในทางตรงกันข้าม ที่ประเทศจีน The Way of Water กลับพ่ายแพ้ให้กับหนังท้องถิ่นยับเยิน โดย วาไรตี้ รายงานว่า Avatar: The Way of Water ทำรายได้ในจีนไปได้เพียง 152 ล้านดอลลาร์ นับถึงวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ระดับปานกลางเท่านั้น
สวนทางกับความคาดหวังที่มีค่อนข้างสูงว่าอวตาร 2 จะดึงคนออกมาดูหนังโรง กระตุ้นตัวเลขบ็อกซ์ออฟฟิศแดนมังกรให้ดีขึ้นหลังจากที่ทางการยกเลิกนโยบาย “ซีโร โควิด” แต่กลับกลายเป็นว่า “ฮีโร่ผู้มากอบกู้อุตสาหกรรมภาพยนตร์จีน” กลับกลายเป็นหนังจีนด้วยกันเอง
โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ “คนจีนนิยมดูหนังจีน” กันจนทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์จีนมีความแข็งแกร่ง ไม่ต้องพึ่งพาหนังฮอลลีวู้ดเพื่อความอยู่รอดนั้นเป็นเพราะผู้สร้าง ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวจีน “ได้รับความไว้วางใจจากคนดู” ว่าจะผลิตผลงานออกมาได้ถูกรสนิยมของพวกเขามากที่สุด
เราจึงได้เห็นภาพ “คนจีน” แห่กันตีตั๋วดู “หนังจีน” ในช่วงเทศกาล “ตรุษจีน” กันจนตัวเลขบ็อกซ์ออฟฟิศพุ่งขึ้นเกือบเทียบเท่าช่วงก่อนหน้าโควิดระบาดแล้วนั่นเอง
Related Stories
พฤศจิกายน 6, 2024