![](https://www.xn--72cb4brw0a7cvcl5nycyb.com/wp-content/uploads/2024/05/wp-header-logo-879.png)
ที่มาของภาพ, Thai News Pix
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเอกฉันท์ไม่เห็นสมควรอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองที่ให้เพิกถอนระเบียบแนะนำตัวในการเลือก สว. 5 ข้อ โดยให้เหตุผลว่า “ไม่เกิดประโยชน์กับใครทั้งสิ้น” และจะไม่มีการแก้ไขระเบียบใด ๆ
ตั้งแต่เย็นวันนี้ (27 เม.ย.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ระบุว่า ผู้สมัคร สว. ทุกคนสามารถแนะนำตัวตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือก สว. พ.ศ. 2567 (เฉพาะข้อที่ศาลไม่สั่งเพิกถอน) และระเบียบ กกต. ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือก สว. (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2567 (เฉพาะข้อที่ศาลไม่สั่งเพิกถอน) ควบคู่ไปกับคำพิพากษาศาลปกครอง
“อะไรที่ปฏิบัติได้ก็อยู่ตามที่ กกต. ออกระเบียบอยู่แล้ว อันไหนที่ท่าน (ศาล) ยกเลิก มันก็เป็นสิทธิเสรีภาพของผู้สมัครที่จะแนะนำตัวตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง เช่น เรื่องกระดาษ (เอกสารแนะนำตัว) ไม่ต้องมีจำนวนหน้า, เรื่องประวัติ ประสบการณ์ ความรู้ ก็เพิ่มได้มากขึ้น ก็แนะนำอาจจะแสดงจุดยืนหรือวิสัยทัศน์อย่างนี้” เลขาธิการ กกต. กล่าว
นายแสวงเปิดแถลงข่าวภายหลังการประชุม กกต. ชุดใหญ่ โดยให้ 4 เหตุผลในการตัดสินใจไม่ยื่นอุทธรณ์ ดังนี้
ที่มาของภาพ, STR/BBC Thai
ศาลปกครองกลางพิพากษาเมื่อ 24 พ.ค. ให้เพิกถอนระเบียบการแนะนำตัวในการเลือก สว. พ.ศ. 2567 จำนวน 5 ข้อ เนื่องจากเห็นว่า “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
End of เรื่องแนะนำ
เนื้อหาที่ศาลมีคำสั่งให้เพิกถอน ประกอบด้วย ข้อ 3 เฉพาะบทนิยาม “การแนะนำตัว” ที่จำกัดเฉพาะผู้สมัครเท่านั้น, ข้อ 7 ที่จำกัดการแนะนำตัวในกระดาษเอ 4 ไม่เกิน 2 หน้า และจำกัดการแนะนำเฉพาะประวัติที่ผ่านมาแล้ว, ข้อ 8 (เฉพาะฉบับแรก) ที่ให้แนะนำตัวทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ แต่จำกัดเนื้อหาตามข้อ 7 และให้แนะนำตัวในหมู่ผู้สมัครเท่านั้น, ข้อ 11 (2) ที่ห้ามผู้ประกอบอาชีพสื่อ-คนวงการบันเทิงใช้ความสามารถเอื้อประโยชน์ในการแนะนำตัว และข้อ 11 (3) ที่ห้ามแจกเอกสารแนะนำตัวโดยวิธีการวาง โปรย หรือติดประกาศในที่สาธารณะ
ทั้งนี้ ให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ระเบียบดังกล่าวมีผลใช้บังคับ หรือย้อนหลังไปตั้งแต่ 27 เม.ย. (อ่านสรุปคำพิพากศาลปกครองได้ ที่นี่)
โดยข้อกฎหมาย กกต. มีเวลา 30 วัน ในการตัดสินใจว่าจะอุทธรณ์คดีหรือไม่ ท่ามกลางกระแสเรียกร้องจากผู้สมัคร สว. บางส่วน และเครือข่ายภาคประชาชนที่ไม่ต้องการให้มีการยื่นอุทธรณ์ และเรียกร้องให้ กกต. ออกระเบียบใหม่เพื่อสร้างความชัดเจนในแนวทางปฏิบัติ
ในระหว่างการแถลงข่าว นายแสวงตอบหลายข้อซักถามของสื่อมวลชนเกี่ยวกับการปฏิบัติตนของผู้สมัคร โดยย้ำว่า อะไรที่ศาลไม่ได้สั่งยกเลิกต้องปฏิบัติตามเดิม แต่อันไหนยกเลิก ก็เหมือนเป็นสิทธิของผู้สมัครที่จะแนะนำตัวได้ เช่น ยังห้ามผู้สมัครให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ส่วนเอกสารแนะนำตัวที่เคยกำหนดไว้ 2 หน้า “จากนี้ท่านจะทำ 10 หน้า 20 หน้าก็ทำไป” เช่นเดียวกับผู้สมัครกลุ่มสื่อมวลชนที่ไม่มีข้อห้ามเรื่องใช้ความสามารถหรือวิชาชีพแนะนำตัวแล้ว แต่อยากให้ผู้สมัครพึงระวังการกระทำผิดตามมาตรา 77 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. และยึดการไม่ขอหรือแลกคะแนนตามคำพิพากษาของศาลฎีกาทั้ง 2 ฉบับที่ถือว่าเป็นความผิด
ส่วนที่มีการถามหาความรับผิดชอบจาก กกต. เพราะในช่วงที่ผ่านมา มีการมองกันว่าความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว เลขาธิการ กกต. ถามกลับว่า “แล้วยังไงครับ กกต. เราก็ดูกฎหมายก่อนร่างระเบียบ” และย้ำว่า กฎหมายเขียนเอาไว้ว่าห้ามหาเสียง ทำได้แค่การแนะนำตัว เพื่อให้เกิดความเสมอภาคและความเรียบร้อยในการเลือก สว.
นายแสวงยังแสดงความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับการฮั้ว โดยบอกว่า “การแสดงวิสัยทัศน์ ก็เหมือนคนให้สัญลักษณ์ คนบอกผมจะไปแก้กฎหมายฉบับนี้ ๆ แล้วพวกเดียวกันลงสมัคร มันอาจจะมาเป็นกลุ่มก้อนก็ได้ เราจึงต้องออกระเบียบให้เกิดความเสมอภาค แต่เมื่อศาลพิพากษา เราก็ต้องปฏิบัติตามนั้นเมื่อไม่อุทธรณ์”
ที่มาของภาพ, FACEBOOK/ECT
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเช้า (27 พ.ค.) กลุ่มผู้สมัครที่เรียกตัวเองว่า “ผู้สมัคร สว. ภาคประชาชน” เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง กกต. เรียกร้องให้ 1. กกต. ต้องยืนยันอย่างเป็นทางการโดยเร็วที่สุดว่าจะไม่อุทธรณ์คำวินิจฉัยศาลปกครอง เพื่อให้ผู้สมัครรู้ว่าสามารถจะแนะนำตัวได้แค่ไหนเพียงใด และทำให้ผู้สมัครทุกคนแนะนำตัวได้อย่าง “เสมอภาค เท่าเทียม ปราศจากความหวาดกลัว” และ 2. กกต. มีทางเลือกที่จะใช้อำนาจยกเลิกระเบียบเดิมให้สิ้นผลไปทันที หรือออกระเบียบในการแนะนำตัวใหม่ โดยต้องไม่ขัดกับแนวทางที่ศาลปกครองวางไว้ ไม่จำกัดเนื้อหาในการแนะนำตัว และไม่จำกัดสิทธิในการรับรู้ของประชาชน
นอกจากนี้พวกเขายังเรียกร้องให้ กกต. ประกาศสถานที่เลือกในระดับอำเภอโดยเร็ว, ให้ความชัดเจนเกี่ยวกับขั้นตอนและแนวปฏิบัติในวันเลือก และเปิดให้ประชาชนทั่วไปสังเกตการณ์การเลือก สว. ได้ตลอดกระบวน
สำหรับผู้สมัครที่เปิดหน้ายื่นข้อเรียกร้องต่อ กกต. ในวันนี้มี 6 คน ได้แก่ นพ.ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย, น.ส.จีรนุช เปรมชัยพร, น.ส.ชลณัฏฐ์ โกยกุล, น.ส.นารากร ติยายน, นายธีระชาติ ก่อตระกูล และนายทวีป วานิชย์หานนท์
น.ส.ชลณัฏฐ์ และ นพ.ไพโรจน์ เป็น 2 ใน 6 คณะผู้ฟ้องคดี กกต. ชุดนายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ เพื่อขอให้เพิกถอนระเบียบแนะนำตัว ส่วนอีกคดี มีนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย บรรณาธิการบริหารสำนักข่าวประชาไท เป็นผู้ฟ้อง จนนำไปสู่คำสั่งศาลปกครองให้เพิกถอนระเบียบการแนะนำตัวในการเลือก สว. ในที่สุด
ที่มาของภาพ, Thai News Pix
น.ส.จีรนุช กล่าวว่า หาก กกต. บอกว่าจะไม่อุทธรณ์ คำพิพากษาจะมีผลทันที และทำให้คน 4.8 หมื่นคนที่เข้าสู่กระบวนการเลือก สว. ไม่เป็นอุปสรรคมากนัก ที่ผ่านมาเข้าใจ กกต. ว่าอาจทำงานบนความกลัว
“คำพิพากษาศาลปกครองจะเป็นเกราะป้องกันความกลัวให้ กกต. ได้ เราอยากให้หยุดกลัวแล้วดำเนินการไป ตอนนี้มีเครื่องมือในการป้องกัน กกต. แล้ว” น.ส.จีรนุชกล่าว
เธอบอกด้วยว่า หาก กกต. ไม่ประกาศความชัดเจน จะถือว่า “ไม่จริงใจ” ในการทำให้กระบวนการเลือกครั้งนี้มีข้อมูลไปสู่ประชาชนตามที่ประชาชนต้องการ และทำให้คนจำนวนหนึ่งอยู่ภายใต้ความกลัว สุดท้ายข้อมูลที่จะใช้พิจารณาไม่ว่ารอบเลือกในกลุ่มอาชีพ หรือเลือกไขว้กลุ่ม จะไม่เพียงพอในการตัดสินใจได้
ด้านนายธีระชาติกล่าวว่า การแนะนำตัวด้วย “กติกาที่ผิดธรรมชาติ” ในยุคนี้เป็นไปได้อย่างไรในการควบคุมการสื่อสาร ทั้งที่ทุกคนเป็นเจ้าของสื่อหมดแล้ว กกต. ยังมีทางเลือกว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีส่วนร่วมามากขึ้น
“อยากให้ กกต. คิดได้ในโค้งสุดท้าย ถ้าการเลือกนี้ครั้งไม่โปร่งใส แน่นอนผลลัพธ์จะตกกับทุกคน อยากให้เปิดเผยโปร่งใสที่สุด” เขากล่าว
ในการเลือก สว. ชุดใหม่ 200 คน ผู้สมัครต้อง “เลือกกันเอง” ในกลุ่มอาชีพ และ “เลือกไขว้กลุ่ม” โดยผ่านการเลือก 3 ระดับจากอำเภอ ไปจังหวัด และประเทศ
สำนักงาน กกต. เปิดเผยข้อมูลผู้สมัคร สว. เบื้องต้นมีจำนวน 48,226 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติ ก่อนประกาศรายชื่อผู้สมัครอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 พ.ค. นี้
เดิม กกต. ตั้งเป้าหมายว่าจะมีผู้สมัคร 1 แสนคน ซึ่งนายแสวงแจกแจงว่า ที่เคยระบุว่าจะมีผู้สมัครเป็นแสน “เพราะประเมินว่าน่าจะมีการจัดตั้ง คณะหนึ่งต้องจัดตั้ง 1 แสนถึงจะชนะ” เมื่อจำนวนผู้สมัครจริงมี 4 หมื่นคนเศษ จึงถือว่า “ค่อนข้างเป็นไปตามธรรมชาติ” หากจะมีการจัดตั้งหรือฮั้วก็คงไม่เข้มข้น และอยู่ในสายตาของสำนักงาน กกต.
อย่างไรก็ตามเขายอมรับว่า ได้รับรายงานความผิดปกติในหลายจังหวัด ซึ่งต้องดูว่าได้ขอคะแนน แลกคะแนน ฮั้ว หรือมีการจัดตั้งหรือไม่
ส่วนกรณีที่ 2 อำเภอ ไม่มีผู้สมัครแม้แต่คนเดียว และอีก 7 อำเภอ มีผู้สมัครเพียงกลุ่มเดียว นายแสวงขยายรายละเอียดเพิ่มเติมว่า ในอำเภอที่มีผู้สมัครกลุ่มเดียว แบ่งเป็น อำเภอที่มีผู้สมัคร 3 คนลงในกลุ่มเดียวกัน และอีก 5 อำเภอมีผู้สมัครอย่างละ 1 คน และอีกอำเภอมีผ้สมัคร 2 คน รวมแล้ว 10 คน ขณะที่ พ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. มาตรา 33 กำหนดว่า การเลือก สว. ให้ทำตามวิธีการที่กำหนดไว้ใน พ.ร.ป. นี้ และ กกต. จะไปออกกฎเพิ่มก็ไม่ได้
“อะไรที่ไม่กำหนดไว้ทำไม่ได้ เมื่อข้อเท็จจริงเป็นอย่างนี้ จังหวัดที่มีกลุ่มเดียวก็ต้องตกไป… ก็คือ 10 คนนี้ตกไปเลย เพราะคุณไม่ได้ไขว้ ในเมื่อมีกลุ่มเดียว จะไปไขว้กับใคร เพราะกฎหมายกำหนดว่าไขว้แล้วต้องมีคะแนน” นายแสวงกล่าวและว่า “ถ้าพูดทางกฎหมาย ก็ไม่ใช่ความผิดเขา เพราะเขาไม่รู้จะมีใครมาสมัครเท่าไร แต่มันเป็นสภาพบังคับตามกฎหมาย”
บีบีซีไทยตรวจสอบข้อมูลจากแอปพลิเคชันสมาร์ทโหวตของสำนักงาน กกต. พบว่า 10 ผู้สมัคร สว. ที่ต้องตกไปโดยเทคนิค เพราะไม่มีคะแนนรอบ "เลือกไขว้" จึงไม่สามารถข้ามไปในระดับจังหวัดได้ ตามที่เลขาธิการ กกต. ออกมาเปิดเผยข้อมูลไว้ คือ
พ.ร.ป.สว. มาตรา 40 ระบุถึงขั้นตอนการเลือกระดับอำเภอ โดยกำหนดให้ผู้สมัครต้อง "เลือกกันเอง" ในกลุ่มอาชีพเดียวกันให้เหลือ 5 คน เป็นผู้ได้รับเลือกขั้นต้น แล้วไปจับสลากแบ่งสาย "เลือกไขว้" เพื่อลงคะแนนให้ผู้สมัครกลุ่มอื่น ๆ และเลือกให้เหลือ 3 คน
หากกลุ่มใดมีผู้สมัครในระดับอำเภอไม่เกิน 5 คน ก็ไม่ต้อง "เลือกกันเอง" ผู้สมัครทุกคนเป็นผู้ได้รับเลือกขั้นต้น และผ่านเข้าสู่รอบ "เลือกไขว้" ได้เลย
แต่ในรอบ "เลือกไขว้" กฎหมายไม่ได้เขียนว่า หากกลุ่มใดมีผู้สมัครในระดับอำเภอไม่เกิน 3 คน สามารถผ่านไประดับจังหวัดได้ทันที ตรงกันข้าม แม้มีผู้สมัครคนเดียว หรือ 2 คน หรือ 3 คน มาตรา 40 (12) บังคับว่า ต้องไปเลือกไขว้ และ "ในกรณีที่มีผู้ได้คะแนนไม่ถึง 3 คน ให้เฉพาะผู้ซึ่งได้คะแนนเป็นผู้ได้รับเลือก" นั่นหมายความว่า ในรอบเลือกไขว้ ผู้ที่จะผ่านเข้ารอบต้องได้อย่างน้อย 1 คะแนน แม้ผู้สมัครในกลุ่มนั้น ๆ จะน้อยกว่า 3 คนก็ตาม แต่หากผู้สมัครคนใดไม่ได้คะแนนเลย ก็จะไม่ผ่านเข้าไปในรอบจังหวัด
© 2024 บีบีซี. บีบีซีไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อเนื้อหาของเว็บไซต์ภายนอก. นโยบายของเราเรื่องการเชื่อมต่อไปยังลิงก์ภายนอก. อ่านเกี่ยวกับแนวทางของเราในการติดต่อกับลิงก์ภายนอก