อังคาร, 9 เมษายน 2567
สภาพอากาศวันนี้
THAILAND 36.2°C/29.5°C
LINE : @THAIPOST
เปลว สีเงิน
ผักกาดหอม
กาแฟดำ
วิสามัญบันเทิง
อังคาร, 9 เมษายน 2567
ข่าวการสู้รบในพม่ายิ่งวันยิ่งขยับเข้ามาใกล้ชายแดนไทย…และตอกย้ำถึงความเพลี่ยงพล้ำของฝ่ายกองทัพพม่าของมิน อ่องหล่ายอย่างชัดขึ้นทุกวัน
ใครที่เคยคิดว่าอย่างไรเสียกองทัพพม่าก็ยังมีแสนยานุภาพทางทหารสูงกว่าฝ่ายต่อต้านทุกกลุ่มรวมกันก็อาจจะต้องประเมินสถานการณ์ใหม่
เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวการมอบตัวของทหารพม่ากว่า 400 คนที่เมียวดีตรงข้ามชายแดนไทย
และฝ่ายต่อต้านใช้โดรนถล่มเป้าหมายทางทหารในเมืองหลวงเนย์ปีดอว์ได้สำเร็จด้วย
เมื่อค่ำวันเสาร์ ข่าวจากสื่อพม่าหลายกระแสยืนยันว่าฝ่ายต่อต้านยึดเมืองเมียวดีตรงข้ามอำเภอแม่สอด, จังหวัดตากของไทย, เรียบร้อยแล้ว
• เครดิตภาพ: สำนักข่าวชายขอบ
สำนักข่าวชายขอบของไทยอ้างสำนักข่าว Voice of Spring และสำนักข่าว Chindwin News รายงานว่า ทหารพม่าจากกองพลทหารราบเคลื่อนที่เร็ว ที่ 275 กว่า 400นาย ในเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ได้ยอมแพ้และวางอาวุธให้กับกองทัพปลดปล่อยชาติกะเหรี่ยง (Karen National Liberation Army : KNLA )
รวมถึงสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง(The Karen National Union: KNU) และกองทัพเพื่อประชาชน (People’s Defense Force : PDF) ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ โดยฝ่ายต่อต้านสามารถยึดอาวุธได้เป็นจำนวนมากจากฐานทัพพม่าในพื้นที่
ความคืบหน้าล่าสุดชี้ว่ากองกำลังของกองทัพพม่าอ่อนแอลงอย่างชัดเจนเพราะการยอมวางอาวุธครั้งนี้ถือว่าเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของกองทัพพม่า
“สำนักข่าวชายขอบ” ของไทยเองอ้างแหล่งข่าวด้านความมั่นคงชายแดนไทยด้านอำเภอแม่สอดว่าขณะนี้กองกำลังหลักของกองทัพพม่ารอบเมืองเมียวดี ทั้งกองพัน 355 กองพัน356 และกองพัน 357ซึ่งตั้งอยู่เขตชานเมืองเมียวดี ได้ถูกกองกำลังผสมของ KNUและ PDF ยึดได้หมดแล้ว
เหลือเพียงกองพัน 275 ที่มี 2 กระแสข่าว โดยกระแสหนึ่งระบุว่าทหารพม่ายอมวางอาวุธหมดแล้ว แต่อีกกระแสหนึ่งเชื่อว่าอยู่ระหว่างการเจรจาต่อรอง
หากข่าวการยึดฐานต่างๆเกือบทั้งหมดเมื่อวันเสาร์เป็นจริงก็แปลว่าเมืองเมียวดีได้ตกอยู่ในควบคุมดูแลของฝ่ายต่อต้านอย่างเบ็ดเสร็จแล้ว
สำนักข่าวชายขอบรายงานว่ายังคงเหลือเพียงพื้นที่ทางทหารทางตอนใต้เมียวดีฝั่งตรงข้ามกับ อ.พบพระ ที่กำลังเป็นที่จับตามองว่าเป็นเป้าหมายต่อไปของฝ่ายต่อต้านหรือไม่
เช่นเดียวกับพื้นที่ตรงข้าม อ.อุ้มผางซึ่งเหลือพื้นที่ทางทหารของกองทัพพม่าอีกเพียงเล็กน้อย
ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานฝ่ายต่อต้านจะต้องรุกคืบผลักดันทหารพม่าออกไปทั้งหมด
ขณะที่ พล.อ.มิน อ่องหลาย ไปเยือนเมืองท่าขี้เหล็กระหว่างวันที่ 1 – 6 เมษายน 2567 เพื่อเข้าร่วมงานศพพระผู้ใหญ่
สำนักข่าว SHAN รายงานว่า มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในพื้นที่ ทำให้ประชาชนในเมืองท่าขี้เหล็กได้รับความยากลำบาก
สำนักข่าว Irrawaddy รายงานว่า ทางกองทัพเอกราชคะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) ซึ่งต่อสู้เคลื่อนไหวในรัฐคะฉิ่นทางเหนือสุดของประเทศพม่า สามารถยึดเส้นทางหลวงเชื่อมระหว่างรัฐคะฉิ่นและเมืองมัณฑะเลย์ไว้ได้แล้ว
โดยพื้นที่ที่ทาง KIA สามารถยึดมาได้นั้น อยู่ในบริเวณเส้นทางบะหม่อ – มัณฑะเลย์ ในเมืองม่านซี เป็นระยะทางราว 14กิโลเมตร
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทาง KIA บุกโจมตีเพื่อยึดพื้นที่ดังกล่าวเป็นเวลา 3 วัน
โดยทหารพม่าจำนวน 50 นาย ที่ประจำในพื้นที่ได้ทิ้งค่ายและหลบหนีไป
เช่นเดียวกันกองทัพอาระกัน (Arakan Army- AA) ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในรัฐอาระกัน ทางตะวันตกของประเทศ ล่าสุด สามารถยึดฐานบัญชาการใหญ่ของกองทัพพม่า ในเมืองบูทีดองได้เมื่อวันที่ 5เมษายนที่ผ่านมา
เหตุสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายในเมืองน้ำ มีทหารพม่าเสียชีวิต 80 นาย และสามารถยึดอาวุธของกองทัพพม่าได้จำนวนหนึ่ง
ขณะที่สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNOCHA) รายงานว่า ผู้พลัดถิ่นภายในประเทศหรือ IDPs ในพม่านั้นพุ่งเป็น 2.8 ล้านคนแล้วจากทั่วประเทศ
โดยตัวเลขผู้พลัดถิ่นภายในที่อยู่ในรัฐอาระกัน หรือรัฐยะไข่เพียงแห่งเดียวเพิ่มขึ้นเป็น 157,000 คน นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนของปีที่แล้ว หรือนับตั้งแต่กองทัพอาระกันเปิดฉากโจมตีกองทัพพม่ารอบใหม่ และสงครามรุนแรงมากยิ่งขึ้น
โดยขณะนี้ผู้พลัดถิ่นภายในกำลังประสบกับปัญหาการขาดแคลนขาดแคลนน้ำดื่มในช่วงที่สภาพอากาศร้อนจัด
ก่อนหน้านั้นเพียงสองวัน ฝ่ายต่อต้านพยายามทำการโจมตีด้วยโดรนพร้อมกันหลายจุดเข้าใส่ฐานปฏิบัติการของทหารในกรุงเนปิดอว์
สถานีโทรทัศน์เมียวดีของกองทัพเมียนมาว่า ความพยายามของ “ผู้ก่อการร้าย” ที่จะทำลาย “จุดที่ตั้งสำคัญ” ในเนปิดอว์นั้นถูกสกัดไว้ได้
โดยอ้างว่ากองทัพสามารถยิงโดรนตกลง 13 ลำ ในจำนวนนี้มี 4 ลำที่มีระเบิดติดมาด้วย
ข่าวทางการอ้างว่าไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และไม่มีทรัพย์สินใด ๆ ได้รับความเสียหาย
การที่ฝ่ายต่อต้านสามารถถล่มที่ตั้งทางทหารในเมืองหลวงพม่าย่อมสะท้อนถึงความสามารถของฝ่ายต่อต้านที่เพิ่มขึ้นและฝ่ายรัฐบาลที่อ่อนแรงลงอย่างปฏิเสธไม่ได้
รัฐบาลคู่ขานหรือรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Government – NUG) อ้างว่าหน่วยรบของกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (People’s Defense Forces – PDF) ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในเครือข่ายได้ประสานกับพันธมิตรติดอาวุธอื่น ๆ เพื่อโจมตีกองบัญชาการใหญ่ของกองทัพและฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งในกรุงเนย์ปิดอว์ด้วย
จ่อ ซอว์ โฆษกรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติประกาศว่า
“นี่คือความสำเร็จ การโจมตีด้วยโดรนนี้เป็นการโจมตีพิสัยไกลและหนักหน่วงกว่าปกติ เรามีแผนจะทำการเช่นนี้อีก”
พร้อมเสริมว่า “นี่คือเวลาที่รัฐบาลทหารจะบังคับให้มีการเกณฑ์ทหารและก่อกระแสความกลัวในหมู่ประชาชน การโจมตีเช่นนี้เข้าใส่ศูนย์กลางประสาทของพวกเขา ซึ่งก็คือ เนปิดอว์ เน้นย้ำว่า พวกเขาไม่มีที่ ๆ จะบอกว่า ปลอดภัย ได้อีกต่อไป”
ฝ่าย NUG อ้างว่าในการโจมตีครั้งนี้ใช้โดรนถึง 30 ลำ และมีการตั้งเป้ายิงเข้าใส่ที่พักของมิน อ่อง หล่ายด้วย
แต่ไม่มีรายละเอียดว่าการพุ่งเป้าถล่มที่พักผู้นำกองทัพพม่าได้ผลอย่างไรหรือไม่
ข่าวการสู้รบในพม่าไหลออกมาอย่างต่อเนื่องจากสื่อทุกรูปแบบในพม่าและนอกประเทศ
ล้วนส่อไปในทางที่รัฐบาลไทยต้องประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
รัฐบาลมีกลไกประสานงานทุกฝ่ายของไทยเราเองเพื่อเกาะติดข่าวคราวและเสาะหาข่าวกรองเพื่อปรับยุทธศาสตร์ของเราให้ทันกับแนวโน้มการล่มสลายของรัฐบาลทหารพม่าแล้วหรือยัง?
เมื่อทูตจีนไปขอพบอดีตผู้นำทหารพม่าอย่างน้อย 2 คน ในจังหวะที่กองทัพพม่ากำลังเพลี้ยงพล้ำในสนามรบให้กับฝ่ายต่อต้าน ก็มีการคาดการณ์กันว่าปักกิ่งกำลังรณรงค์หาทางออกให้วิกฤตของพม่าอย่างไรหรือไม่
ถ้ารัสเซียยึดยูเครน, จีนจะบุกไต้หวันหรือไม่? เป็นโจทย์ที่นักการทูตและนักการทหารของหลายประเทศตั้งเป็นประเด็นถกแถลงกันอย่างกว้างขวางมาตั้งแต่ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียส่งทหารบุกยูเครนกว่าสองปีมาแล้ว
ญี่ปุ่นกลัวจีนจะบุกไต้หวันจริงหรือ? คำตอบคือจริง! ไม่เฉพาะเพราะเหตุผลด้านภูมิรัฐศาสตร์เท่านั้น
ด้านหนึ่ง จีนมี “การทูตสไตล์ดุดันอย่างหมาป่า” กับวอชิงตันในเรื่องการเมืองและความมั่นคง
นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ประกาศจะให้ไทยเป็น “ฮับ” ด้านต่างๆ รวมถึงด้านเทคโนโลยี เช่น semi-conductors ทำให้เราต้องถามว่าประเทศเพื่อนบ้านของเราที่เขาก็กำลังเดินแนวทางเดียวกันนี้กำลังทำอะไรอยู่
เรากำลังก้าวเข้าสู่ “ยุคก่อนสงครามใหญ่จะระเบิด” หรือที่นายกฯ โปแลนด์เรียกว่า “Pre-war Era” แล้วจริงหรือ?
Copyright© thaipost.net, All rights reserved., ออกแบบเว็บ จัดทำเว็บไซต์โดย iDesign