หลังจากที่พักเบรกงานแสดงและออกไปสร้างครอบครัวกับมีทายาทตัวน้อย ๆ ให้เชยชมแล้ว "เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์" ก็ได้เวลาคัมแบ็กกลับสู่แวดวงการแสดงอีกครั้งกับหนังที่เธอเลือกเป็นผลงานคัมแบ็ก อย่าง "Causeway" ที่เป็นตัวเลือกที่ดี ถึงแม้จะค่อนข้างเป็นหนังนอกกระแส แต่กลายเป็นหนังที่ขายการแสดงแบบเด็ดเดี่ยวที่ค่อนข้างซึมซาบถึงหลักการใช้ชีวิตหลังวันร้าย ๆ ได้อย่างน่าสนใจไม่น้อย
Causeway เป็นเรื่องราวของ ลินด์ซีย์ เจ้าหน้าที่ทหารหญิงประจำการอยู่ที่ตะวันออกกลาง แต่เธอได้รับบาดเจ็บระหว่างอยู่ในสมรภูมิ ทำให้ต้องถูกนำตัวส่งรักษาอยู่นานหลายเดือน พร้อมกับได้รับผลกระทบจากอาการบาดเจ็บทางสมอง ที่ทำให้เธอต้องเริ่มตั้งต้นชีวิตตัวเองด้วยการเริ่มกายภาพบำบัดและหัดเดินและยืนใหม่ทั้งหมด ก่อนจะมุ่งหน้ากลับมายังบ้านที่นิวออร์ลีนส์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่าสำหรับชีวิตเธอ
นี่คือผลงานการกำกับหนังใหญ่เรื่องแรกของผู้กำกับหญิงรุ่นใหญ่ "ไลลา นอยเกเบาเออร์" ที่ถือว่าเป็นงานเดบิวต์ที่จัดจ้านไม่เบา มาพร้อมกับทีมนักเขียนบทเจนใหม่เช่นเดียวกัน ประกอบด้วย "ออตเตสซา มอชเฟก", "ลุค โกลเบล" และ "อลิซาเบธ แซนเดอร์ส" ที่พวเขาล้วนแต่เพิ่งจะมีประสบการณ์งานบทไม่เยอะเท่าไหร่นัก แต่ก็บ่มกันออกมาเป็นหนังชีวิตที่เต็มไปด้วยบาดแผลแห่งความช้ำไปทั้งกายและใจอย่างในหนังเรื่องนี้
ก็อย่างที่เกริ่นเอาไว้ตั้งแต่ข้างต้นว่า Causeway ค่อนข้างจัดได้ว่าเป็นหนังนอกกระแส แต่กระนั้นตัวหนังก็ไม่ได้เป็นอะไรที่ดูยากเลย นี่คือหนังชีวิตของทหารหญิงคนหนึ่ง หลังจากการเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ในสมรภูมิที่ประจำการอยู่ การได้รับบาดเจ็บของเธอทำให้ต้องกลับมานับหนึ่งใหม่อีกครั้ง และการที่หนังเลือกเล่าเรื่องผ่านสายตาของลินด์ซีย์เป็นหลัก ก็ถือว่าเป็นทางการเลือกที่เหมาะสม เพราะชีวิตและแนวคิดภายใต้สภาพกายและภาวะจิตใจที่ยังไม่ 100% ก็ช่างน่าค้นหายิ่งนัก
องค์ประกอบงานสร้างของหนังอาจจะไม่ได้มีอะไรมาก เพราะมันเป็นหนังชีวิตทั่ว ๆ ไป ที่เน้นขายการแสดงและการสื่อสารทางอารมณ์มากกว่า บทของหนังเรื่องนี้อาจจะยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบอะไรมากนัก การเล่าเรื่องก็ยังไม่ได้ดึงดูดใจและตราตรึงผู้ชมได้ถึงขนาดนั้น แต่เพราะได้การแสดงและการถ่ายทอดจากนักแสดงระดับมืออาชีพมาก ๆ นั่นเอง เป็นจุดขายที่สามารถกระตุ้นและเพิ่มเลเวลความดีงามให้กับหนังเรื่องนี้ขึ้นได้
รู้สึกประทับใจโทนจังหวะของหนังเรื่องนี้ เพราะหนังเริ่มต้นจากความโดดเดี่ยวมาก ๆ แทบไม่พูดไม่จา ก่อนจะค่อย ๆ ให้คนดูซึบซับและทำความรู้สึกสัมพันธ์และมิตรภาพใหม่ ๆ ไปพร้อมกับตัวละครหลัก จากนั้นหนังก็เริ่มมีเสียงพูด เสียงสนทนา แลกเปลี่ยนทำความรู้จักซึ่งกันและกัน ตามประสาการผูกมิตรใหม่ และก็ค่อย ๆ มั่นคงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะไปสู่จุดเปลี่ยนและอารมณ์แปรผัน กลับมาสู่ความเงียบเชียบอีกครั้ง ที่กลายเป็นอินเนอร์ที่สะท้อนถึงภาวะอารมณ์ของลินด์ซีย์ได้เป็นอย่างดี
แน่นอนว่า เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ คือความดีงามของหนังเรื่องนี้ การแสดงของเธอนั้นแบกหนังเรื่องที่เรื่องได้อย่างสบาย ๆ เหมือนไม่ได้ออกแรงที่จะสวมบทบาทนี้ด้วยซ้ำ เธอแสดงออกมาได้เป็นธรรมชาติ แค่นี้คนดูก็รู้สึกได้กำไรกับการได้เห็นนักแสดงระดับรางวัลมอบแอคติ้งที่น้อยแต่มากให้ได้ดู ภาษากายและการสื่อสารทางอารมณ์นั้น เจนลอว์ถือว่าสอบผ่านฉลุย เป็นส่วนที่ยกระดับให้กับหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
และยิ่งเมื่อมาเข้าฉากร่วมกับ "ไบรอัน ไทรี เฮนรี่" ที่เรามักจะเห็นเขาเล่นบทเป็นตัวโจ๊ก ตัวแย่งซีนอยู่บ่อย ๆ แต่กลับมาแสดงโหมดดราม่าจัด ๆ ในหนังเรื่องนี้ ก็ถือว่าเป็นอีกแนวทางที่แปลกใหม่สำหรับเขาเช่นกัน ถึงแม้ว่าบทบาทนี้อาจจะไม่ได้สร้างมิติอะไรขึ้นมากเท่ากับเจนลอว์ แต่ก็เป็นส่วนสมทบที่ช่วยประคับประคองให้ Causeway น่าหลงใหลและเต็มไปด้วยการแสดงที่น่าประทับใจไปตลอดทาง และทั้งคู่ก็จับมือกันช่วยทำให้มันลื่นไหลผ่านอารมณ์ของตัวละครไปด้วยดี
โดยสรุปแล้วนั้น Causeway อาจจะยังไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบ แต่มันก็สร้างขึ้นมาเพื่อเฉียดเข้าใกล้เวทีรางวัลนั่นแหละ เพียงแต่ว่าศักยภาพที่มีอยู่นั้นจะสู้คู่แข่งเรื่องอื่น ๆ จนเบียดมีที่นั่งแต่ละสาขาได้ไหม? การแสดงของเจนลอว์ถือว่าน่าประทับใจ แต่ผลงานชิ้นอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ของเธอน่าประทับใจกว่าเรื่องนี้ เป็นการแสดงที่ดีตามแบบฉบับของเธอ แต่คิดว่าถ้าองค์ประกอบอื่น ๆ ของหนังส่งมากกว่านี้น่าจะทรงคุณค่าได้ยิ่งกว่า นี่จึงเป็นหนังดราม่าเรียนรู้ชีวิตที่นับหนึ่งใหม่อีกครั้ง ที่สะท้อนมุมมองบางอย่างได้อย่างน่าสนใจเรื่องหนึ่งทีเดียว
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Causeway
Movie.TrueID METRIC: Causeway
————————————-
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย https://bit.ly/3xEgdAa
Unbox Yourself with TrueID
ทรูไอดี โลกความสุขในทุกตัวตนของคุณ