![](https://www.xn--72cb4brw0a7cvcl5nycyb.com/wp-content/uploads/2024/01/wp-header-logo-905.png)
ที่มาของภาพ, Reuters
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ บอกว่า “รู้สึกเฉย ๆ ปกติ” ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 1 ว่าเขาเป็นผู้ถือหุ้นไอทีวีในวันสมัครรับเลือกตั้ง แต่ไม่พ้นสมาชิกภาพ สส. เนื่องจากบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ไม่ได้ประกอบกิจการหรือมีรายได้จากกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลา 40 นาทีในการออกนั่งบัลลังก์เพื่ออ่านคำวินิจฉัย เรื่องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่าสมาชิกภาพ สส. ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบกับมาตรา 98 (3) หรือไม่ จากกรณีถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ อยู่ในวันสมัครรับเลือกตั้ง สส.บัญชีรายชื่อ เมื่อ 4 เม.ย. 2566
ศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า “การถือหุ้นเพียงหุ้นเดียว ย่อมเป็นการถือหุ้นตามความหมายในรัฐธรรมนูญแล้ว แม้ผู้ถือหุ้นจะไม่มีอำนาจบริหารหรือครอบงำกิจการก็ตาม” และเห็นว่า นายพิธาเป็นผู้ถือหุ้นไอทีวีตั้งแต่ 5 ก.ย. 2550 เมื่อพิจารณาจากข้อพิรุธหลายประการ ยังฟังไม่ได้ว่า "ผู้ถูกร้องทำสัญญาโอนหุ้นดังกล่าวจริง"
อย่างไรก็ตาม ศาลเห็นว่า ไอทีวีไม่มีคลื่นความถี่ ไม่มีรายได้จากการทำสื่อ และยังไม่มีแผนจะกลับมาทำสื่อ
“ณ วันที่ผู้ถูกร้องสมัครรับเลือกตั้ง สส. บริษัทไอทีวีไม่ได้ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใด ๆ การถือหุ้นไอทีวีของผู้ถูกร้อง (นายพิธา) จึงไม่ทำให้มีลักษณะต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) สมาชิกภาพของ สส. ของผู้ถูกร้องไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ” คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญระบุตอนหนึ่ง
End of เรื่องแนะนำ
สำหรับตุลาการเสียงข้างน้อย 1 คนที่เห็นว่า สมาชิกภาพ สส. ของนายพิธาสิ้นสุดลงคือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ว่าที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่
อ่านรายละเอียดคำวินิจฉัยเต็มได้จาก สรุปข้อโต้แย้ง พิธา กับ 3 ประเด็นหลักจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ “คดีหุ้นไอทีวี”
ที่มาของภาพ, THAI NEWS PIX
ประชาชนไปรอให้กำลังใจนายพิธาที่ศาลรัฐธรรมนูญ
ก่อนศาลเริ่มต้นอ่านคำวินิจฉัย นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวชี้แจงให้คู่กรณีทราบใน 2 ประเด็นคือ
คดีนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพ สส. ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบกับมาตรา 98 (3) หรือไม่ จากกรณีถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ อยู่ในวันสมัครรับเลือกตั้ง สส.บัญชีรายชื่อ เมื่อ 4 เม.ย. 2566
รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98 (3) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. 2561 มาตรา 42 (3) กำหนดห้ามมิให้ผู้สมัคร สส. "เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ"
ที่มาของภาพ, Thai News Pix
ชัยธวัช ตุลาธน แถลงข่าวตั้งข้อสังเกตว่ามี “ขบวนการปลุกผีไอทีวีให้เป็นสื่อ” เพื่อสกัดโอกาสเป็นนายกฯ ของพิธา เมื่อ 12 มิ.ย.
พิธา วัย 43 ปี หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. มากว่า 6 เดือนแล้ว นับจาก 19 ก.ค. 2566 ซึ่งเป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้รับคำร้อง “คดีถือหุ้นไอทีวี” ไว้พิจารณา และยังเป็นวันเดียวกับการประชุมรัฐสภาเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เป็นครั้งที่ 2
แม้พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลในขณะนั้น มีความพยายามจะเสนอชื่อ พิธา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ก.ก. ให้ สส. และ สว. โหวตอีกครั้ง หลังจากได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำตามรัฐธรรมนูญในการโหวตเลือกนายกฯ รอบแรกเมื่อ 13 ก.ค. 2566
แต่เสียงส่วนใหญ่ของรัฐสภาตีความว่าทำไม่ได้ เพราะถือเป็น “ญัตติซ้ำ” ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41 ในเมื่อชื่อของนายพิธาถูกโหวตคว่ำไปแล้ว จึงไม่สามารถเสนอชื่อเดิมให้สมาชิกรัฐสภาโหวตซ้ำเป็นรอบที่ 2 ได้
แกนนำพรรค ก.ก. เชื่อว่า มีความพยายาม “ฟื้นคืนชีพไอทีวี” ให้กลับมาเป็นสื่อมวลชน เพื่อสกัดกั้นการจัดตั้งรัฐบาลของก้าวไกล
เวลาราว 14.45 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน หลังได้กลับมาเป็น สส. เต็มขั้น โดยบอกว่า “รู้สึกเฉย ๆ ปกติ จะเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชนต่อไป โดยเฉพาะภารกิจแรก คือ การแถลงแผนงานประจำปีของพรรคก้าวไกล”
ส่วนจะได้กลับเข้าสภาเมื่อไหร่นั้น ต้องให้วิปเข้าหารือกับประธานสภา เพื่อกำหนดวันให้เดินทางกลับไปปฏิบัติหน้าที่เสียก่อน แต่หากได้กลับเข้าสภาเมื่อไหร่ “จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ให้สมกับที่รอคอย”
ต่อข้อถามถึงคำเตือนของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องการให้สัมภาษณ์สื่อถึงคดีความที่ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาว่าไม่เหมาะสม นายพิธา ชี้แจงว่า “ระมัดระวังมาโดยตลอด” และการให้สัมภาษณ์สื่อ ก็เพื่อชี้แจงข้อมูลที่อาจคลาดเคลื่อนเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะกลับไปเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลเหมือนเดิมหรือไม่ นายพิธาตอบว่า ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ เพราะคณะกรรมการบริหารพรรคมีอายุงาน 4 ปี แต่ย้ำว่า ตนเอง “ยังมีรายชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” อยู่ และในวันที่ 31 ม.ค. ก็จะเดินทางมารับฟังคำพิพากษาคดี “ล้มล้างการปกครอง” ด้วย
ก่อนฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ นายพิธากล่าวว่า “มั่นใจในความบริสุทธิ์” และ “ไม่มี” ความกังวลใจ
เขายังใช้โอกาสนี้กล่าวขอบคุณประชาชนและสมาชิกพรรคที่คอยให้กำลังใจ รวมถึงทีมกฎหมายของพรรคที่ทำงานอย่างหนัก ไม่ว่าผลจะออกมาในทางเป็นคุณหรือโทษ ก็ยังจะทำงานรับใช้ประชาชนตามเดิม โดยเตรียมแถลงโรดแมปของพรรค ก.ก. ที่จะดำเนินการตลอดทั้งปี และในวันพรุ่งนี้ (24 ม.ค.) ก็จะพบกับแขกจากต่างประเทศ ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์นี้ (27-28 ม.ค.) จะลงพื้นที่พบปะประชาชน
ที่มาของภาพ, THAI NEWS Pix
เวลา 15.30 น. สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้แก้ไขตัวเลขหน้าจอถ่ายทอดสดการประชุมสภา โดยจำนวน สส. ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้กลับมาเป็น 500 คนเต็ม จากที่ก่อนหน้านี้ลดลงเหลือ 499 คน ในระหว่างนายพิธาถูกยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม กล่าวชี้แจงว่า หลังจากทางสภาได้ทราบข่าวเรื่องคำวินิจฉัยสมาชิกภาพ สส. ของนายพิธา ได้ตรวจสอบกับฝ่ายเลขาธิการสภาแล้ว โดยเป็นที่แน่ชัดว่า “คำวินิจฉัยของศาลมีผลตั้งแต่หลังอ่านคำวินิจฉัย ไม่จำเป็นที่จะต้องรอเอกสาร” แต่อย่างไรก็ดีเพื่อความสมบูรณ์ ก็ต้องทำให้ครบถ้วนตามธุรการ ซึ่งทางเลขาธิการสภาจะติดตามจนกว่าจะได้หนังสือ แล้วคงต้องถามว่าเพราะอะไรถึงจะมีความล่าช้า แตกต่างกันกับช่วงที่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
ที่มาของภาพ, Reuters
© 2024 บีบีซี. บีบีซีไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อเนื้อหาของเว็บไซต์ภายนอก. นโยบายของเราเรื่องการเชื่อมต่อไปยังลิงก์ภายนอก. อ่านเกี่ยวกับแนวทางของเราในการติดต่อกับลิงก์ภายนอก