
แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งกันไม่ได้!! เพราะในที่สุด “คามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์” ต้นตำรับรักทรหดข้ามทศวรรษแห่งวินด์เซอร์ ก็ได้เข้าเส้นชัยขึ้นสวมมงกุฎเป็น “สมเด็จพระราชินีคามิลลา” กลายเป็นราชินีคู่ราชบัลลังก์เคียงข้าง “สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่สาม” สมใจนึก
เพื่อสยบดราม่าทั้งหลายทั้งปวง “ควีนเอลิซาเบธที่สอง” ทรงออกโรงปกป้องพระสุณิสาด้วยพระองค์เอง ตั้งแต่ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ โดยความตอนหนึ่งในแถลงการณ์เนื่องในวาระการครองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี บ่งบอกชัดถึงพระราชประสงค์ว่า ข้าพเจ้าโชคดีที่มีเจ้าชายฟิลิปคอยเคียงข้างในฐานะพระสวามี ผู้ซึ่งเต็มใจรับบทบาทคู่สมรส และเสียสละกับภาระหน้าที่ที่มาพร้อมบทบาทนี้โดยไม่เห็นแก่ตัว ซึ่งเป็นบทบาทที่ข้าพเจ้าเคยเห็นพระราชมารดาปฏิบัติในรัชสมัยของพระราชบิดา เมื่อถึงเวลาที่พระราช โอรสของข้าพเจ้า “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” ขึ้นเป็นกษัตริย์ ข้าพเจ้ารู้ดีว่าท่านทั้งหลายจะให้การสนับสนุนเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และพระชายา “คามิลลา” ในแบบเดียวกับที่เคยให้การสนับสนุนข้าพเจ้า และข้าพเจ้ามีความปรารถนายิ่งว่า เมื่อเวลานั้นมาถึง “คามิลลา” จะเป็นที่รู้จักในฐานะ “สมเด็จพระราชินี” (Queen Consort) ในขณะที่เธอยังปฏิบัติหน้าที่ด้วยความจงรักภักดี
SPONSORED
ถ้าใครติดตามราชวงศ์อังกฤษมานาน จะรู้ว่าคู่นี้เขารักกันมาดึกดำบรรพ์ตั้งแต่วัยรุ่น เพราะ “คามิลลา” คือรักแรกฝังใจของชาร์ลส์ ตอนรู้ข่าวว่า “คามิลลา” แอบหนีไปแต่งงานกับนายทหารร่วมก๊วน โดยไม่รอเจ้าชายหนุ่มกลับจากกองทัพเรือ ลือกันว่าชาร์ลส์ขังตัวเองอยู่ในห้องหลายวัน
ทั้งๆที่คิดว่าทำใจลืมเธอได้แล้ว เมื่อเจอกับสาวบริสุทธิ์จากตระกูลสูงศักดิ์อย่าง “ไดอาน่า สเปนเซอร์” แต่ในค่ำคืนก่อนอภิเษกสมรส ในปี 1981 ชาร์ลส์ก็ยังขลุกอยู่บนเตียงกับคามิลลา สื่ออังกฤษตีแผ่ว่าหลังทำหน้าที่พระสวามีผู้ซื่อสัตย์ได้ 3 ปี ในที่สุดชาร์ลส์ก็โผกลับไปสู่อ้อมอกของคามิลลาอีกครั้ง สร้างตำนานเราสามคนลือลั่นราชวงศ์ ก่อนนำไปสู่การหย่าร้างกับ “เจ้าหญิงไดอาน่า” ในปี 1996 ข่าวซุบซิบรอบวังได้รับการยืนยันจากปาก “เจ้าหญิงไดอาน่า” ขณะให้สัมภาษณ์รายการพาโนรามาของบีบีซี เมื่อปี 1995 ว่า มีเราสามคนอยู่ในชีวิตสมรสนี้ มันก็เลยแออัดไปหน่อย!!
ภายหลัง “เจ้าหญิงไดอาน่า” สิ้นพระชนม์ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อปี 1997 และ “คามิลลา” ได้หย่าขาดจากสามีในปี 1995 “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” จึงทำตามใจปรารถนาที่รอคอยมาทั้งชีวิต ฝ่าดงหนามจูงมือ “คามิลลา” เข้าประตูวิวาห์สมดังหวัง เมื่อปี 2005 นับตั้งแต่ได้คนรักเก่าที่รู้ใจมาเคียงคู่ มกุฎราชกุมารอังกฤษก็ทรงมีความสุขและผ่อนคลายขึ้นมาก เพราะ “คามิลลา” มักโน้มน้าวให้ได้ลองทำสิ่งใหม่ๆเสมอ ว่ากันว่าตลอดเวลาที่เกิดเรื่องเกิดราวมากมายภายในราชวงศ์วินด์เซอร์ ก็ได้พระชายาคู่ใจคอยปลอบประโลมและเป็นกำลังใจให้ “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” อีกทั้งยังช่วยแบ่งเบาพระราชกรณียกิจใหญ่น้อย ทำหน้าที่พระราชวงศ์อาวุโสของอังกฤษ
ย้อนประวัติของ “สมเด็จพระราชินีคามิลลา” ทรงเติบโตมาในครอบครัวชนชั้นสูงของอังกฤษ ร่ำ เรียนจบจากสวิตเซอร์ แลนด์ และฝรั่งเศส โปรดการขี่ม้าเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ได้พบกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ในการแข่งขันโปโลที่เมืองวินด์เซอร์เมื่อปี 1970 “คามิลลา” แนะนำตัวว่าเป็นทายาทของ “อลิซ เคปเปล” ชู้รักของสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่เจ็ด ซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่ทวดของควีนเอลิซาเบธที่สอง
ขณะนั้น “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” เพิ่งสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และเตรียมจะเข้าเป็นทหารในกองทัพเรือ แม้ทั้งคู่จะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน แต่หลังจากเจ้าชายหนุ่มเข้าเป็นทหารในกองทัพเรือไม่นาน เมื่อปี 1971 “คามิลลา” ก็ตกลงปลงใจแต่งงานกับ “แอนดรูว์ พาร์กเกอร์ โบลส์” นายทหารหนุ่มผู้เป็นพระสหายของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และเป็นอดีตคนรู้ใจของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ กลายเป็นปมรักฝังใจไม่ยอมลืมเลือน
SPONSORED
ต่อมาในปี 1981 “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” ทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับ “เลดี้ไดอาน่า สเปนเซอร์” ซึ่งน่าจะจบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้งราวกับเทพนิยาย ทว่าความสวยความสาวของไดอาน่าไม่สามารถรั้งหัวใจเจ้าชายหนุ่มได้ พระองค์กลับไปสานสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ “คามิลลา” อีกครั้ง ทั้งๆที่ยังมีครอบครัวด้วยกันทั้งคู่ จากข่าวซุบซิบข้างวังกลายเป็นเรื่องจริงยากปฏิเสธ เมื่อได้รับการยืนยันจากปาก “เจ้าหญิงไดอาน่า” ที่ออกมาให้สัมภาษณ์กับรายการพาโนรามาของบีบีซี เมื่อปี 1995 ว่า “มีเราสามคนอยู่ในชีวิตสมรสนี้ มันก็เลยแออัดไปหน่อย” ประโยคอันโด่งดังที่บอกเล่าถึงปัญหาในชีวิตคู่ได้นำไปสู่การหย่าร้างกันระหว่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กับเจ้าหญิงไดอาน่า ในปี 1996 ขณะที่ “คามิลลา” ชิงหย่ากับสามีในปี 1995 ทั้งคู่มีบุตรชายและบุตรสาวด้วยกันสองคน
หลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ซ่อนเร้นกันจริงมาหลายทศวรรษ ก็มาจากบันทึกการสนทนาส่วนตัวทางโทรศัพท์ของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กับคามิลลา ที่ถูกแอบอัดไว้ตั้งแต่ปี 1989 และเผยแพร่สู่สาธารณชนในปี 1993 นอกจากจะคุยกันกุ๊กกิ๊กประสาคนรักแล้ว ช่วงหนึ่งคามิลลายังออดอ้อนว่า “ฉันยอมทนทุกข์ทุกอย่างเพื่อคุณ นั่นคือความรัก นั่นคือพลังแห่งความรัก” โป๊ะแตกขนาดนี้ “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” จึงทรงยอมรับว่ามีความสัมพันธ์กับคามิลลาจริง ก่อนที่ทั้งคู่จะหย่าด้วยซ้ำ
SPONSORED
ท่ามกลางกระแสต่อต้านที่แผ่วลง เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2005 “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” ทรงจูงมือ “คามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์” เข้าพิธีเสกสมรสที่พระราชวังวินด์เซอร์ โดยได้รับความยินยอมจากควีนเอลิซาเบธที่สอง และได้รับการสถาปนาเป็น “ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์” แม้ในช่วงต้นจะมีคนจำนวนมากมอง “คามิลลา” เป็นวายร้ายผู้ทำลายชีวิตครอบครัวของเจ้าหญิงไดอาน่า แต่เมื่อทรงพิสูจน์ตัวเองด้วยการทรงงานแบ่งเบาพระราชภารกิจของพระราชสวามีและควีนเอลิซาเบธที่สอง พระองค์ก็เริ่มได้รับการยอมรับจากสมาชิกราชวงศ์และประชาชนชาวอังกฤษมากขึ้นเรื่อยๆ
ทรงสนับสนุนองค์กรสงเคราะห์สัตว์หลายแห่ง ตลอดจนทรงงานเพื่อส่งเสริมการรู้หนังสือ และการช่วยเหลือผู้ตกเป็นเหยื่อของปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์องค์กรการกุศลกว่า 90 แห่งในหลากหลายด้าน ตั้งแต่งานด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี, การส่งเสริมการอ่านออกเขียนได้, งานด้านศิลปะ, สวัสดิภาพสัตว์ และงานสนับสนุนผู้รอดชีวิตจากการข่มขืนและถูกล่วงละเมิดทางเพศ
ที่สำคัญทรงเป็นที่ชื่นชอบของผู้สื่อข่าวสายราชสำนัก เพราะมีอุปนิสัยร่าเริงและอัธยาศัยดี สื่อบางสำนักถึงกับฟันธงว่า นับแต่ได้ใช้ชีวิตคู่กับคามิลลามา 18 ปี “กษัตริย์ชาร์ลส์ที่สาม” ทรงมีอารมณ์ที่ผ่อนคลายเป็นกันเองมากขึ้นกว่าในอดีต โดยหลายครั้ง “สมเด็จพระราชินีคามิลลา” ทรงโน้มน้าวให้พระราชสวามีได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ เพื่อให้ทรงพระสำราญพระราชหฤทัย
SPONSORED
แม้จะไม่มีบทบาทอย่างเป็นทางการ แต่ “สมเด็จพระราชินี” ก็ถือเป็นผู้มีอิทธิพลสำคัญต่อกษัตริย์ ไม่เพียงจะคอยช่วยสนับสนุนและแบ่งเบาพระราชภารกิจในด้านต่างๆ ยังทรงเป็นคู่คิดที่คอยค้ำยันราชบัลลังก์.
ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
SPONSORED
SPONSORED