
ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 19 กรกฎาคม 2566
การเมือง/มั่นคง
ที่ประชุมร่วมรัฐสภา มีมติเห็นว่าการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ซ้ำครั้งที่ 2 ไม่สามารถทำได้
การประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เป็นครั้งที่ 2 วันนี้(19 ก.ค.66) ยังคงเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล เพียงรายชื่อเดียว โดยตลอดทั้งวันสมาชิกรัฐสภายังคงอภิปรายแสดงความเห็นอย่างกว้างขวาง ว่าสามารถเสนอชื่อนายพิธา ให้ที่ประชุมลงมติเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีซ้ำเป็นรอบที่ 2 ได้หรือไม่ ซึ่งหลังใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมง ท้ายที่สุดที่ประชุมมีมติเสียงข้างมาก 395 เสียง ต่อ 312 เสียง งดออกเสียง 8 เสียง ซึ่งเกินกึ่งหนึ่ง 374 เสียง จำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 748 คน เห็นว่าการใช้มติตามข้อบังคับ 41 ไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธา ซ้ำได้ในสมัยประชุมนี้
กำหนดลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เปิดเผยว่า การประชุมรัฐสภาเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งถัดไป ในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ เวลา 09.30 น. โดยดำเนินการไปตามขั้นตอนและรัฐธรรมนูญกำหนด เมื่อเข้าสู่ระเบียบวาระจะมีการเสนอชื่อบุคคลที่สมควรแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคการเมือง จากนั้นจะเปิดให้อภิปรายถึงเรื่องคุณสมบัติของผู้ถูกเสนอชื่อ หากไม่มีปัญหาจะเดินหน้าชงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีการเสนอรายชื่อผู้สมควรแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีกี่รายชื่อ แต่ต้องยึดตัวเลขผู้ที่ได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง หรือ 374 เสียง จากสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 748 คน จะได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนกรอบเวลาในการอภิปรายยังไม่มีกำหนด ต้องมีการพูดคุยกับวิปวุฒิสภา และตัวแทนพรรคการเมืองอีกครั้ง แต่เบื้องต้นจะให้อภิปรายเสร็จก่อนเวลา 17.00 น. จากนั้นจะลงมติโดยใช้วิธีเดิมแบบเปิดเผยด้วยการขานชื่อสมาชิกรัฐสภาเรียงลำดับอักษร
ส่วนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ จะเสร็จสิ้นเลยหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ประชาชนอยากให้เสร็จสิ้นและได้นายกรัฐมนตรีโดยเร็ว 27 กรกฎาคมนี้
ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้นไอทีวี มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ตั้งแต่วันนี้ จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย
ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(3) หรือไม่กรณีเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ถูกร้องว่างลงนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย
ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสี่ประกอบวรรคหนึ่ง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 7 (5) จึงสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง
สำหรับคำขอของผู้ร้องที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก (9 ต่อ 2) เห็นว่า ข้อเท็จริง ตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้อง ประกอบกับการปฏิบัติหน้าที่ ของผู้ถูกร้องอาจก่อให้เกิดปัญหาข้อกฎหมายและการคัดค้านโต้แย้งเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานสำคัญของที่ประชุมรัฐสภาและที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ จึงมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่วันนี้ 19 กรกฎาคม 2566 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
“พิธา” รับทราบคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญยุติการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมระบุชี้หลังเลือกตั้ง 14 พ.ค.ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมแล้ว
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภา ภายหลังมีเอกสารจากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ตนเองยุติการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อรับทราบคำสั่งดังกล่าว โดยยืนยันว่า จะปฏิบัติตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอื่น พร้อมฝากข้อความถึงประชาชนและอำลาประธานสภาฯ จนกว่าจะพบกันใหม่ และหวังว่าสมาชิกรัฐสภา จะใช้รัฐสภา ดูแลประชาชนและมั่นใจว่า หลังการลือกตั้ง 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมแล้ว และขอให้ ส.ส. ช่วยกันดูแลประชาชนต่อไป
จากนั้น นายพิธา ได้ถอดบัตรประจำตัวแสดงตนวางไว้บนที่นั่งประจำตัวของตนภายในรัฐสภา โดยมี ส.ส.จาก 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ลุกขึ้นปรบมือเพื่อเป็นกำลังใจให้กับนายพิธา ก่อนที่นายพิธา จะเดินออกจากห้องประชุมไป
เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว
ททท.จัดกิจกรรมเสริมพลังบุญ หนุนพลังใจ พาผู้โชคดีเข้าร่วมทริป 1 วันในกรุงเทพมหานคร
นางสาวปิยะรัตน์ สุริยะฉาย ผู้อำนวยการกองวางแผนสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.จัดกิจกรรม Exclusive ทริปสายมู one day trip กรุงเทพมหานคร วันเปลี่ยนดวงชะตาร้ายให้เป็นดีอย่างฉับพลัน ภายใต้โครงการ “เสริมพลังบุญ หนุนพลังใจ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ที่มีคุณค่าให้นักท่องเที่ยว ซึ่งกิจกรรมในโครงการนี้ถือเป็นการเปิดตลาดกระตุ้นนักท่องเที่ยวที่มีความเชื่อและความศรัทธา ให้หันมาท่องเที่ยวยังสถานที่ศักดิ์สิทธ์ทั้งในกรุงเทพมหานครและภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นการผนวกความเชื่อกับการท่องเที่ยวเข้าด้วยกันเพื่อยกระดับมูลค่าตลาดการท่องเที่ยวในประเทศอีกทางหนึ่ง โดยกิจกรรมในวันนี้ ททท.ได้นำนักท่องเที่ยวผู้โชคดีที่ร่วมสนุกกับทางเพจ Amazing Thailand กว่า 40 คน เดินทางร่วมชมสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นแหล่งนิยมในการมาทำบุญ เสริมความเป็นสิริมงคล อาทิ ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) วัดระฆังโฆสิดาราวรมหาวิหาร เป็นต้น
กรมการค้าภายใน ขอความร่วมมือห้างจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้า ช่วยลดค่าครองชีพ
ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายในได้ขอความร่วมมือห้างสรรพสินค้าจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน พร้อมลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์การค้า ณ ห้างโลตัส สาขานอร์ทราชพฤกษ์ พบว่า การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงเย็นวันธรรมดาและช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยห้างโลตัสมีการจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้าหลากหลาย อาทิ หมวดอาหารสด/แปรรูป เช่น เนื้อไก่หั่นชิ้น จำหน่ายราคา 75 บาท/กก. อกไก่ ราคา 76 บาท/กก. ข้าวสารบรรจุถุง ลดสูงสุดร้อยละ 30 หมวดผลิตภัณฑ์ซักล้าง เช่น ผงซักฟอก น้ำยาซักผ้า น้ำยาล้างจาน และหมวดชำระล้างร่างกาย เช่น ครีมอาบน้ำ สบู่ แชมพู ลดสูงสุดร้อยละ 50 หมวดของใช้ประจำวัน เช่น กระดาษทิชชู ผ้าอ้อมเด็ก/ผู้ใหญ่ ลดสูงสุดร้อยละ 34 หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ทีวี พัดลม ตู้เย็น ลดสูงสุดถึงร้อยละ 70 สำหรับผลไม้ ช่วงนี้มีผลผลิตออกมาสู่ตลาดหลายชนิด เช่น สับปะรดภูแล ลำไย มังคุด และส้มโอทับทิมสยามปากพนัง กรมฯ ได้ขอความร่วมมือห้างฯ ให้รับซื้อโดยตรงมาจากเกษตรกรมากขึ้น
รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้มั่นใจว่าในการจับจ่ายใช้สอยประชาชนจะได้รับสินค้าในปริมาณและน้ำหนักที่ครบถ้วน ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่กองชั่งตวงวัด ตรวจสอบความเที่ยงตรงของเครื่องชั่งในตลาดและในห้างต่างๆ ตลอดจนตรวจสอบปริมาณและน้ำหนักสินค้าที่บรรจุในหีบห่ออย่างสม่ำเสมอ หากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านราคาสินค้า หรือพบเห็นเครื่องชั่งไม่เที่ยงตรง สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569
ธ.ก.ส. เปิดโครงการสินเชื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง ระยะที่ 2
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. จัดโครงการสินเชื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง ระยะที่ 2 วงเงิน 3,000 ล้านบาท ให้ผู้ประกอบการประมงในพื้นที่ 23 จังหวัดชายฝั่งทะเล ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนและค่าลงทุนในการปรับปรุงอุปกรณ์การทำประมงให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล เสริมสร้างความมั่นคงทางทรัพยากรทางทะเลและอาหารอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้ผู้ประกอบการประมงและลูกเรือประมง ได้รับความคุ้มครองชีวิตจากอุบัติเหตุและลดความเสี่ยงในการสูญเสียเรือกรณีเกิดภัยพิบัติ ผ่านโครงการประกันภัยเพื่อชาวประมงภาคสมัครใจโดยทิพยประกันภัย โดยผู้ขอเอาประกันภัยต้องเป็นเจ้าของเรือประมงที่มีสัญชาติไทย มีเรือประมงที่จดทะเบียนกับกรมเจ้าท่า และมีอาชญาบัตรจากการประมง (สำหรับเรือประมงที่มีขนาด 10 ตันกรอสขึ้นไป) อัตราค่าเบี้ยประกัน ขนาดเรือไม่ถึง 10 ตันกรอส 323.14 บาทต่อลำ และขนาด 10 ตันกรอสขึ้นไป 430.14 บาทต่อลำ ระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปี
?สำหรับความคุ้มครองเมื่อเกิดภัย ประกอบด้วย ค่าชดเชยกรณีเรือประมงสูญหายหรือเสียหายจนไม่สามารถซ่อมแซมได้ อันเนื่องมาจากอุทกภัย วาตภัย พายุ คลื่นลมแรง คลื่นซัดชายฝั่ง แผ่นดินไหวและสึนามิ ในระยะเวลาเอาประกัน วงเงินไม่เกินลำละ 10,000 บาท และกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จากอุบัติเหตุของผู้เอาประกันภัย และ/หรือ ผู้ได้รับความคุ้มครอง 1 ราย (คนขับเรือหรือลูกเรือประมงของผู้เอาประกันภัย) สูงสุดไม่เกินรายละ 100,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. สาขาใกล้บ้าน หรือศูนย์บริการลูกค้า 1593
เกษตรกรรม/สิ่งแวดล้อม
กรมการข้าว ร่วมมือกับบริษัทเอกชน ในการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าว สร้างความมั่นคงด้านข้าวให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน
นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวภายหลังลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าว กับนายสุเมธ ภิญโญสนิท ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โปรดิ๊วส จำกัด ที่กรมการข้าว ว่า เพื่อสร้างความมั่นคงด้านข้าวให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน จึงเกิดความร่วมมือกับภาคเอกชนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับข้าว ถือเป็นมิติแรกที่ต้องดำเนินการร่วมกันอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจะมีคณะทำงานที่จะขับเคลื่อนเรื่องนี้ โดยมอบหมายให้นายอานนท์ นนทรีย์ รองอธิบดีกรมการข้าว รับผิดชอบดูแลเรื่องการวิจัยข้าวทั้งหมด มาทำงานร่วมกับทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้การขับเคลื่อนงานเป็นไปอย่างรวดเร็วและเกิดประโยชน์กับเกษตรกรมากที่สุด
ด้านนายสุเมธ ภิญโญสนิท ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โปรดิ๊วส จำกัด กล่าวว่า ถือเป็นโอกาสที่ดีที่เกิดความร่วมมือกันในครั้งนี้ โดยเป็นการขับเคลื่อนตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ซึ่งหลังจากที่สามารถพัฒนาพันธุ์ข้าวที่ดีแล้ว ก็จะเกิดการเพาะปลูกที่เหมาะสม โดยตั้งเป้าที่จะทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้นจากพันธุ์ข้าวที่มีและทำหน้าที่รับซื้อผลผลิต ปรับคุณภาพผลผลิตจากเกษตรกรโดยตรงก่อนที่จะออกสู่ตลาด ทั้งนี้ถือเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยให้มีความมั่นคงในการเพาะปลูกข้าวและมีตลาดรองรับที่ครบวงจร
สังคม
เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ มิจฉาชีพหลอกลวงให้ทำบัตรประชาชนและเอกสารปลอมผ่านเฟซบุ๊ก เสี่ยงสูญเสียเงินและผิดกฎหมาย
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพหลอกลวงให้ทำบัตรประจำตัวประชาชนและเอกสารปลอม ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ทำให้สูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก จากการตรวจสอบปรากฎข้อเท็จจริงว่า การโฆษณาและรับทำเอกสารทางราชการปลอมดังกล่าว มีลักษณะเป็นการหลอกลวงให้ผู้หลงเชื่อโอนเงินไปให้และตัดการติดต่อหลังมิจฉาชีพได้เงินไป
กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหน่วยงานหลักดำเนินงานด้านทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน ชี้แจงว่าการดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวกับงานทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน โดยเฉพาะกรณีบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน ต้องดำเนินการทางกฎหมายอย่างรัดกุม ชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่รัฐทุกกรณี ดำเนินการได้ ณ สำนักทะเบียนท้องถิ่นหรือสำนักทะเบียนอำเภอเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอาญา โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
รัฐบาลกำชับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่ายป้องกันและปราบปราม รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้ประชาชน สำหรับผู้ที่จ้าง หรือสั่งทำเอกสารปลอม หรือผู้ใดนำเอกสารปลอมไปใช้ หรืออ้างให้ผู้อื่นเชื่อว่าเป็นเอกสารจริงโดยทุจริตและปกปิดข้อเท็จจริง มีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมาย มีระวางโทษสูง ต้องจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กระทรวงสาธารณสุขชวนคนไทย ร่วม เชิญ ชวน เชียร์ ลด ละเลิกเหล้า เข้าสู่ระบบบำบัดรักษา
นายแพทย์ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการเป็นประธานเปิดกิจกรรม วันงดดื่มสุราแห่งชาติประจำปี 2566 ที่จัดขึ้น ณ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ว่า แม้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายในประเทศไทยและเกือบทุกประเทศทั่วโลกแต่งานวิจัยทั้งในและต่างประเทศพบว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อให้เกิดผลกระทบในเชิงลบมากกว่าเชิงบวก ทั้งผลกระทบทางสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจของประเทศ
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกระบุว่าทุกปีทั่วโลกมีผู้เสียชีวิต จากพิษของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 3 ล้านคน และเป็นสาเหตุก่อโรคมากกว่า 230 ชนิด คาดการณ์สถานการณ์อนาคตที่คาดหวังจะเปิดเสรีทางการผลิตสุราคือ อนุญาตให้ผู้ผลิตรายย่อยสามารถผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีความหลากหลายมากขึ้น ทำให้ประชาชนดื่มเพิ่มขึ้นตามไปด้วย รวมถึงการผลักดันให้มีการแก้ไข พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ 2551 จะทำให้ประชาชนเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้มากและง่ายขึ้น ประเทศไทยจะเกิดผลกระทบอย่างมหาศาลทั้งกับตัวผู้ดื่มเองและคนรอบข้าง
รัฐจำเป็นต้องควบคุมขนาดและความรุนแรงของปัญหา ที่เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสังคมไทย โดยร่วมกับภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะ อสม. ช่วยกัน เชิญชวน ร่วม ลด ละ เลิก ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สู่เป้าหมายลดปริมาณการบริโภคต่อประชากรผู้ใหญ่ ให้เหลือ 5.3 ลิตร แอลกอฮอล์บริสุทธิ์ต่อคนต่อปี และจำนวนความชุกของผู้บริโภคในประชากรผู้ใหญ่ ให้เหลือร้อยละ 23.1 ภายในปี 2570 โดยนอกจากดำเนินตาม 5 มาตรการขององค์การอนามัยโลก คือ ควบคุมและจำกัดการเข้าถึง ควบคุมพฤติกรรมการขับขี่หลังการดื่ม บำบัดคัดกรองผู้มีปัญหาจากการดื่มสุรา ควบคุมการโฆษณาการส่งเสริมการขายและการให้ทุนอุปถัมภ์ การขึ้นภาษี ประเทศไทย ยังได้เพิ่มเติมอีก 2 มาตรการคือ การสร้างค่านิยม ลดการดื่ม และระบบสนับสนุน บริหารจัดการที่ดี รวมถึงการมีพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 โดยมีเจตนารมณ์ลดปริมาณการดื่มและป้องกันการเพิ่มขึ้นของนักดื่มหน้าใหม่
ด้านนายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี กำหนดให้วันเข้าพรรษาของทุกปีเป็นวันงดดื่มสุราแห่งชาติ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 2 สิงหาคม 2566 จึงชวนทุกคน ร่วมกันเป็นเครือข่าย ในกิจกรรมเชิญ ชวน เชียร์ ลด ละ เลิกเหล้า เข้าสู่ระบบบำบัดรักษา ผ่านระบบลงนามออนไลน์ ทางเว็บไซต์ noalcohol.ddc.mmoph.co.th ร่วมงดเหล้าเข้าพรรษาตลอด 3 เดือน นำสู่การเลิกเหล้าตลอดชีวิต ด้วยวิธี 1 ลด 3 เพิ่ม คือ ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพิ่มเงินในกระเป๋า เพิ่มภูมิคุ้มกัน และเพิ่มความสุขในครอบครัว ทั้งนี้ ข้อมูลจากศูนย์วิจัยปัญหาสุราพบพฤติกรรมการดื่มสุรา ของประชากรไทยปี 2566 มีแนวโน้มค่าใช้จ่าย เพิ่มสูงขึ้น ผู้ดื่มสุราหนักประจำมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสูงถึง 3,722 บาทต่อเดือน
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา
ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา
แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว
{{item.title}}
{{item.date}}
90-91 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. 10310
โทรศัพท์ 02-248-8600, Fax 02-369-2579
nnt.thainews © 2021 All rights reserved.