โดย PPTV Online
เผยแพร่
ประเด็นความคืบหน้าเรื่องการปะทะกันของโดรนสหรัฐฯ และเครื่องบินรัสเซียที่เกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ยังเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะอาจนำไปสู่ปมความขัดแย้งใหม่ระหว่างทั้งสองชาตินอกจากปัญหาสงครามในยูเครน
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายยังคงตอบโต้กันอย่างดุเดือด ทางรัสเซียชี้แจ้งว่าสาเหตุที่ต้องสกัดโดรนลำดังกล่าว เป็นเพราะสหรัฐฯ ละเมิดข้อจำกัดห้ามบินเหนือน่านฟ้าในทะเลดำ
ขณะที่สหรัฐฯ ก็ประณามการกระทำดังกล่าวของรัสเซียอย่างหนัก พร้อมยืนยันว่าจะทำภารกิจเหนือน่านฟ้าของทะเลดำต่อไป
ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา (16 มี.ค.) ทางการสหรัฐฯ ได้เผยแพร่ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออกมา ภาพที่โดรนเอ็มคิวไนน์ รีปเปอร์ (MQ-9 Reapper) ของสหรัฐฯ บันทึกไว้ได้
คนรัสเซียโอด หนึ่งปีของสงคราม ชีวิตก็ลำบากเช่นกัน
เจ็บแต่จบ! สงครามรัสเซีย-ยูเครน มีโอกาสสิ้นสุดในปีนี้?
ภาพเผยให้เห็นวินาทีที่เครื่องบินเจ็ทขับไล่ของรัสเซียบินเข้ามาใกล้ด้านหน้า บริเวณที่เป็นใบพัดของโดรน ก่อนที่จะมีโดรนอีกลำบินเฉียดเข้ามาใกล้อีกครั้ง ซึ่งตรงกับคำอธิบายที่ทางการสหรัฐฯ อธิบายเมื่อวานนี้
ย้อนกลับไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อากาศยานไร้คนขับหรือโดรนรุ่นเอ็มคิวไนน์ รีปเปอร์ (MQ-9 Reapper) ของสหรัฐฯ บินอยู่เหนือน่านฟ้าทะเลดำในเขตที่เป็นน่านฟ้าสากลเพื่อปฏิบัติภารกิจตามปกติ
ปรากฎว่ามีเครื่องบินรบรุ่นซุคฮอย ซู-27 (SU-27) ของรัสเซีย 2 ลำ บินเข้ามาประกบก่อนจะพ่นน้ำมันใส่บริเวณส่วนหน้าของโดรน และทำการขับไล่ ซึ่งเกิดขึ้นราว 30-40 นาที จนทำให้ใบพัดของโดรนเสียหาย
โดรนเอ็มคิวไนน์ รีปเปอร์ (MQ-9 Reaper) เป็นโดรนที่ใช้ในการภารกิจสอดแนมและโจมตีทางอากาศ สามารถบินได้ไกลถึง 1,850 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 480 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นอกจากนี้ เอ็มคิวไนน์ รีปเปอร์ยังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเงียบเชียบ เนื่องจากใช้เครื่องยนต์แบบใบพัดตัวเดียว ทำให้ยากต่อการตรวจจับ แม้จะอยู่ใกล้เป้าหมายเพียงไม่กี่ร้อยเมตร
โดรนรุ่นนี้สามารถบรรทุกหรือติดระเบิดและขีปนาวุธได้หลายประเภท เช่น ขีปนาวุธเฮลล์ไฟร์ AGM-114, ระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ GBU-12 Paveway III ซึ่งมีความแม่นยำในการโจมตีสูง เนื่องจากล็อกเป้าหมายด้วยระบบดาวเทียม
อย่างไรก็ตาม โดรนลำที่ตกลงในทะเลดำไม่ได้ติดระเบิดหรือขีปนาวุธ เนื่องจากสหรัฐฯ ใช้เพื่อทำภารกิจข่าวกรองและการสอดแนมเท่านั้น
ด้าน ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพุธระหว่างการประชุมร่วมกับประเทศพันธมิตรเกือบ 50 ประเทศทั่วโลกที่สนับสนุนยูเครนว่า สหรัฐฯ จะยังคงภารกิจการบินในทะเลดำต่อไป แม้ว่ารัสเซียจะแสดงความแข็งกร้าวด้วยการใช้เครื่องบินโจมตีโดรนของสหรัฐฯ ก็ตาม
ขณะเดียวกัน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ได้ออกมาแถลงเมื่อวานนี้ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังสืบสวนเรื่องนี้อยู่ เพื่อดูว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุหรือความจงใจของนักบินรัสเซีย
ก่อนที่รัฐมนตรีต่างประเทศจะประณามการกระทำของรัสเซียว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอันตรายและเป็นความประมาทเลิ่นเล่อของรัสเซีย
ด้านเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ว่า การที่โดรนดังกล่าวถูกขับไล่จนเกิดอุบัติเหตุ เป็นเพราะสหรัฐฯ ละเลยเรื่องข้อห้ามการบินเหนือพื้นที่ทะเลดำ และพยายามหาวิธียั่วยุรัสเซียเพื่อยกระดับวิธีการเผชิญหน้าในยูเครน
ตอนนี้ประเด็นที่หลายฝ่ายสนใจคือ การอ้างเขตน่านฟ้าสากลของสหรัฐฯ และการประกาศเขตห้ามบินเหนือทะเลดำของรัสเซีย ซึ่งทั้งสองเรื่องเป็นประเด็นที่ซับซ้อน เริ่มด้วยประเด็นน่านฟ้าสากล
น่านฟ้าสากล หรือ International Air space เป็นพื้นที่ทางอากาศที่ไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายหรืออำนาจอธิปไตยของรัฐใดรัฐหนึ่ง โดยจะนับอิงจากอาณาเขตทางทะเลตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลปี 1982 (UNCLOS)
ตามปกติเขตน่านฟ้าสากลจะอยู่เหนือทะเลหลวง (High Sea) โดยจะห่างออกไปเส้นฐาน (Base line) ซึ่งเป็นจุดที่ใช้วัดอาณาเขตทางทะเลของประเทศใดประเทศหนึ่ง ไปราว 200 ไมล์ทะเลหรือ 370 กิโลเมตร
รัฐต่าง ๆ มีสิทธิในการบินเครื่องบินผ่านน่านฟ้าสากลภายใต้หลักการที่เรียกว่า “เสรีภาพในการบินผ่าน (freedom of overflight)”
อย่างไรก็ตาม ตามข้อตกลงระหว่างประเทศ ประเทศหนึ่งอาจรับผิดชอบในการควบคุมน่านฟ้าสากลบางส่วนได้ เช่น ส่วนเหนือมหาสมุทร
การรับผิดชอบนี้เป็นไปภายใต้การควบคุมขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เพื่อควบคุมการปฏิบัติการเขตการบิน (Flight Information Region; FIR) เช่น สหรัฐฯ คือผู้ควบคุมการจราจรพื้นที่ทางอากาศส่วนใหญ่ของมหาสมุทรแปซิฟิก แม้ว่าพื้นที่นั้นจะมีสถานะเป็นน่านฟ้าสากลก็ตาม
สำหรับกรณีของทะเลดำ ในอดีตผู้ควบคุมการจราจรพื้นที่ทางอากาศ คือ ยูเครน และมีศูนย์บัญชาการอยู่ที่เมืองซิมเฟอร์โรโตปอล ในแคว้นไครเมีย ก่อนที่ศูนย์ควบคุมการบินนี้จะถูกรัสเซียยึดครองและอ้างกรรมสิทธิ์ หลังเข้าผนวกคาบสมุทรไครเมียเมื่อปี 2014
สำหรับกรณีการปะทะกันระหว่างโดรนสหรัฐฯ และเครื่องบินรบรัสเซีย สหรัฐฯ ได้อ้างหลักการเสรีภาพในการบินผ่าน เพราะพื้นที่บริเวณดังกล่าวถือเป็นเขตทะเลหลวงและน่านฟ้าสากล รัสเซียจึงไม่มีอำนาจขัดขวางเสรีภาพในการบิน
อย่างไรก็ดี ฝั่งรัสเซียอ้างว่าสหรัฐฯ ละเลยเรื่องข้อห้ามการบินเหนือพื้นที่ทะเลดำ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รัสเซียทำปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร และรัสเซียเคยประกาศเรื่องนี้ให้ทุกชาติรับทราบอย่างเป็นทางการแล้ว
ทั้งนี้ ข้ออ้างดังกล่าวของรัสเซียมีความซับซ้อนในเชิงกฎหมายระหว่างประเทศเนื่องจากสิทธิในการควบคุมการบินและประกาศพื้นที่อันตราย ที่ศูนย์บัญชาการบริเวณคาบสมุทรไครเมียยังคงเป็นของยูเครน เนื่องจากอธิปไตยเหนือคาบสมุทรไครเมียยังคงเป็นของยูเครน แม้จะถูกรัสเซียยึดครองแบบไม่ชอบกฎหมายตั้งแต่เมื่อ 9 ปีก่อน
ดังนั้น ยูเครนจึงมีอธิปไตยเหรือน่านฟ้าเหนือคาบเมืองซิมเฟอร์โรโตปอลบนสมุทรไครเมียด้วยเช่นกัน และรัสเซียไม่มีความชอบธรรมในการประกาศพื้นที่ดังกล่าว ทำให้บางฝ่ายที่ยึดประกาศของยูเครน มีสิทธิที่จะไม่ปฏิบัติตามประกาศของรัสเซีย
ทั้งนี้ ยูเครนไม่ได้ประกาศจำกัดการบินเหนือทะเลดำในส่วนที่เป็นน่านฟ้าสากลแต่อย่างใด ท่ามกลางการถกเถียง ทั้งสหรัฐฯ และรัสเซียพยายามกู้ซากโดรนที่ตกลงในทะเลดำ เพราะทั้งตัวโดรนและสิ่งที่โดรนบันทึกเอาไว้เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ทางการทหาร
เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา สำนักข่าวอัลจาซีรารายงานว่า กองทัพรัสเซียได้ส่งเรือรบไปในพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อค้นหาโดรนดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ของรัสเซียระบุว่าจะค้นหาโดรนดังกล่าวให้พบให้ได้
ขณะที่ทางสหรัฐฯ พลเอก มาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมของกองทัพสหรัฐฯ ได้แถลง เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า กองทัพสหรัฐฯ จะเก็บกู้ซากโดรนดังกล่าวขึ้นมา แต่อาจจะไม่ใช่ในเวลานี้ เนื่องจากปฏิบัติการเก็บกู้ทำได้ยาก เพราะโดรนจมลงไปในทะเลลึกกว่า 1.5 กิโลเมตร และสหรัฐฯ ไม่มีเรือประจำการถาวรในบริเวณนั้น
นอกจากประเด็นโดรนที่ตกในทะเลดำแล้ว ประธานคณะเสนาธิการร่วมของกองทัพสหรัฐฯ ยังได้พูดถึงประเด็นการต่อสู้ที่เมืองบัคมุตในแคว้นโดเนตสก์ ซึ่งเป็นสมรภูมิต่อสู้หลักของยูเครนด้วย
พลเอก มาร์ค มิลลีย์ ระบุว่าการต่อสู้ที่นั่นยังคงเป็นไปอย่างดุเดือด แต่รัสเซียสามารถรุกคืบยึดพื้นที่ได้ไม่มาก และต้องแลกมาด้วยความสูญเสียด้านทรัพยากรจำนวนมหาศาล
ขณะที่กองทัพยูเครนได้ส่งกำลังทหารเข้าไปเพิ่มในเขตชาร์สิฟ ยาร์ เมืองบัคมุต โดยหน่วยล่าสุดที่ถูกส่งไปคือ หน่วยคอมมานโด เพื่อหยุดการโจมตีของรัสเซียและช่วยทหารยูเครนให้สามารถตรึงกำลังในพื้นที่ต่อไปได้
นอกจากนี้ เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมามีสถานการณ์ในสนามรบที่สำคัญอีกเรื่องที่หลายฝ่ายให้ความสนใจ คือ การที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN) รายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ยูเครนยิงสกัดโดรนสัญชาติจีนได้ในพื้นที่ทางภาคตะวันออกของประเทศ
กองกำลังป้องกันดินแดนยูเครนเปิดเผยว่า โดรนดังกล่าวคือ มูกิน-5 (Mugin-5) ซึ่งเป็นโดรนที่ผลิตโดยบริษัทสัญชาติจีนในเมืองเซี่ยเหมิน ทางชายฝั่งด้านตะวันออกของจีน
อย่างไรก็ดี แม้จะเป็นโดรนของบริษัทสัญชาติจีน แต่ทางการจีนอาจไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ เนื่องบรรดาผู้ที่ติดตามข่าวเทคโนโลยีระบุว่า โดรนมูกิน-5 สามารถหาซื้อได้ใน อาลีบาบา ซึ่งเว็บไซต์ซื้อ-ขายออนไลน์ชื่อดังของจีน ในราคาเพียง 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 517,000 บาทเท่านั้น
ล่าสุด มูกินยูเอวี ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตออกมายืนยันแล้วว่า โดรนดังกล่าวเป็นของบริษัทจริง และเป็นเรื่องโชคร้ายมากที่โดรนมูกิน-5 ไปปรากฏในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง
โดยก่อนหน้านี้ บริษัทเคยออกมาประณามการนำโดรนของบริษัทไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหาร และยืนยันว่าบริษัทไม่เคยออกแบบโดรนเพื่อใช้ในสงคราม นอกจากนี้ยังย้ำว่า บริษัทมีเป้าหมายเดียวคือ การพัฒนาโดรนเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ
PPTVHD36.COM ใช้คุกกี้ เพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคล และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้ใช้ เงื่อนไขการใช้งานเว็บไซต์ และ นโยบายสิทธิส่วนบุคคล
เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
© สงวนลิขสิทธิ์ 2564 บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด
เกี่ยวกับ PPTVHD36 TERM CONDITION PRIVACY POLICY PRIVACY POLICY PARTNER MOBILE APP