ข่าว
วิดีโอ
หนังสือพิมพ์
ไทยรัฐทีวี
ไลฟ์สไตล์
กีฬา
บันเทิง
ดวง
หวย
นิยาย
โปรโมชั่น
MONEY
MIRROR
THAIRATH +
LIVE
นับเป็นมือตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับแถวหน้าของเมืองไทยอีกคนจนสะสมไมล์ได้ดีกรีนักร้องเรียนพรีเมียม สอยทุกขั้วที่เข้าข่ายผิดกติกา บนอุดมคติไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ระดับรัฐบาลขิงแก่ ยังเจอตรวจสอบปมเขายายเที่ยง เขย่าซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปนอกตลาดเสียภาษี? คดีชิมไป บ่นไป ก็น็อกนายกฯ สมัคร สุนทรเวช ตกเก้าอี้ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา เผชิญด่านมือตรวจสอบมาหมด
ล่าสุด นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ถูกตั้งข้อสังเกตว่า ร่วมขบวนการพยายามฟื้นคืนชีพไอทีวี (บมจ.ไอทีวี) ซึ่งสิ้นสุดความเป็นสื่อมวลชนไปตั้งแต่ 7 มี.ค. 2550 ให้กลับมาโลดแล่นบนหน้าจออีกครั้ง เพื่อหยิบยกเป็นประเด็นสกัด “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30
หลังยื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล เข้าข่ายลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ (รธน.) มาตรา 98 (3) หรือไม่
…
เพราะตรวจสอบพบคุณพิธาถือหุ้นในไอทีวี และบริษัทนี้ยังคงดำเนินการอยู่ ตามวัตถุประสงค์ที่จดแจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประกอบธุรกิจสื่อ
นายเรืองไกร บอกว่า ถูกกล่าวหาแบบนี้มาตลอด เป็นเรื่องปกติมาก สมัยอยู่กลุ่มพันธมิตรฯ บอกว่าเป็นเสื้อเหลือง ไปขยับอยู่กับอีกฝั่งบอกเป็นเสื้อแดง
ไม่ได้ห้ามลูกไปนะ พาไปเองด้วยทุกการชุมนุมเสื้อสี ม็อบ 3 นิ้ว ยังพาไปดูว่าขบวนการใช้แท็กติกอย่างไร พร้อมแนะว่าเวลาไปตามม็อบ อย่าไปคล้อยตามอารมณ์ อย่าไปฝ่าฝืนกฎหมาย สิทธิเสรีภาพมีขอบเขตการใช้
ต้องเข้าใจบริบทแฟนคลับ ไม่รู้จะบอกอย่างไร ก็ปล่อยไป แม้พยายามแซะ เราก็ระมัดระวังเรื่องนี้มาก และเขาจะมานั่งตรวจสอบสังคมตามกติกา ที่เราทำให้ดูอยู่ มันมีน้อยมากสำหรับสังคมไทย
ต้องเข้าใจที่เดินหน้าตรวจสอบ โดยเฉพาะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ได้อยากได้แสง แต่ทำให้ดูเป็นตัวอย่างตามตัวบทกฎหมาย โดยไม่มีเหตุโกรธเคืองกับใคร ใครโวยวายต้องปล่อยไป ไม่ได้กลัวอะไร
วันนี้แม้คำร้องทั้ง 7 กรณีผู้สมัคร ส.ส.มีลักษณะต้องห้าม กกต.ระบุติดเงื่อนเวลามันไม่ทัน ยังวินิจฉัยไม่ได้
แต่ข้อเท็จจริงที่ร้องยังอยู่ในกำมือของ กกต.
เมื่อ กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.แล้ว รวมถึงคุณพิธา เท่ากับมีสมาชิกภาพ ส.ส. การรับรองมีผลย้อนหลังไปถึงวันเลือกตั้ง 14 พ.ค.66 คุณพิธามีสมาชิกภาพ ส.ส. ก็ต้องร้องขอให้ กกต.ตรวจสอบต่อไปว่าตามคำร้องทั้ง 7 ข้อเท็จจริงเดิม มีเหตุให้สิ้นสมาชิกภาพ ส.ส.หรือไม่
โดยใช้เงื่อนไขตาม รธน. มาตรา 82 วรรคท้าย คือใครร้องไปที่ กกต.ก็ได้ ผมจะยื่นตรงต่อ กกต.หรือ กกต.มีอำนาจหยิบยกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อยื่นต่อศาล รธน. กกต. เป็นเจ้าพนักงานโดยตรงยื่นศาล รธน.ได้
กกต.ไต่สวนถือเป็นสำนวนที่ศาล รธน.รับฟังมากขึ้น
หากใช้ช่อง ส.ส. 1 ใน 10 ยื่นคำร้องผ่านประธานสภาส่งไปศาล รธน. ศาล รธน.ต้องไต่สวนข้อเท็จจริงเอง
ไอทีวีแจงปมคลิปกับเอกสารไม่ตรงปก จากเหตุการณ์บันทึกรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 เป็นลบต่อคุณพิธาจนดิ้นไม่หลุดอย่างไร นายเรืองไกร บอกว่า ก็ได้นำพยานหลักฐานที่ปรากฏยื่นต่อ กกต.
เพื่อให้ไต่สวนและรวมในสำนวน ในฐานะที่เป็นเพียงผู้แจ้งหรือผู้ร้อง ระมัดระวังเรื่องนี้ จะไปมั่นอกมั่นใจว่าเขาผิดแน่ อันนี้มันเร็วเกินไป ต้องรอดูพยานหลักฐานของคุณพิธายกมาเป็นข้อต่อสู้
รวมถึงที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่ามีหลักฐาน ก็ต้องส่งเข้ามาให้หมด เพื่อให้การวินิจฉัยและทำคดีเกิดความเที่ยงธรรม
สุดท้ายเป็นอำนาจของ กกต.และศาล รธน.ที่วินิจฉัย
แต่หลายคนไม่เข้าใจ ทำตัวเป็นศาลไปเสียก่อนแล้ว มุมมองความเห็นต่างๆ ส่อให้เห็นถึงความเอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง ไม่มีหลัก ไม่มีความยุติธรรม เป็นเรื่องของความถูกใจหรือไม่ถูกใจ ทั้งที่เราไม่มีหน้าที่และอำนาจตรงนั้น
“ทีมการเมือง” ถามว่า นักกฎหมายมหาชน เสนอแนะการถือหุ้นสื่อขัดต่อ รธน.หรือไม่ให้ดูเจตนารมณ์ตาม มาตรา 98 (3) “ห้ามไม่ให้ทำการเป็นเจ้าของหรือถือหุ้นในกิจการสื่อ” และมาตรา 184 (4) “กรณีมีการเป็นเจ้าของหรือถือหุ้นในกิจการสื่อนั้น ต้องไม่มีลักษณะในการเข้าไปดำเนินการจัดการ หรือแทรก แซงการทำหน้าที่ของหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน” ชี้ให้เห็นว่าคุณพิธาถือหุ้นไอทีวีเข้าข่ายไม่ขัดต่อ รธน.
นายเรืองไกร บอกว่าผมยื่นต่อ กกต.ด้วยข้อเท็จจริง ไม่ได้ยื่นด้วยความเห็น
“ผมถึงอ้าง รธน. มาตราอื่นๆ ว่า หุ้นสื่อ ไม่ใช่เฉพาะ ส.ส. ผู้สมัคร ส.ส. ส.ว.ก็ยังบังคับด้วย รวมถึงรัฐมนตรีด้วย โดย เฉพาะตุลาการศาล รธน. องค์กรอิสระก็ห้ามถือหุ้นสื่อ
ส่วนการเข้าข่ายแทรกแซงกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อ อยู่ในอีกมาตราหนึ่ง คนที่กล่าวอ้างทึกทักเหตุผลต่างๆขึ้นมาควรอ่าน รธน.ให้ถ้วนถี่
ผมพยายามหาทุกสิ่งทุกอย่างที่ควรเป็นส่วนประกอบ โดยไม่ได้ยืนยันว่าคุณพิธาผิดหรือถูก เราต้องรอดู”
ต้องมีความเที่ยงตรง เที่ยงธรรม ต้องไม่มีอารมณ์ เพราะคนที่มีวิชาชีพต้องมีจรรยาบรรณ เหมือนแพทย์ พยาบาล ไปเลือกคนชอบไม่ชอบไม่ได้ ต้องรักษา
แต่วันนี้พยายามเอาตัวรอดก่อนเข้าสู่การพิจารณาใช่ไหม ผมถึงย้ำว่าถ้าแก้ต่างได้ ก็ส่งเข้าไป แล้วมาบอกว่ายังไม่เห็นคำร้องของผม แล้วไปโพสต์ทำไม
พอโพสต์ ผมก็ส่งให้ กกต. จะใช่หรือไม่ใช่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมต่างจากทุกคนตรงนี้ ไม่ปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร และไม่ใส่ความคิดเห็นลงไป
ถือหุ้นสื่อ 1 หุ้นผิด รธน.หรือไม่ นายเรืองไกร บอกว่า รธน.50 มาตรา 48 ห้ามเป็นการเฉพาะห้าม ส.ส.-ส.ว.-รมต. ถือหุ้นสื่อ-หุ้นสัมปทาน กกต.ส่งศาล รธน.ร่วม 100 คน ชี้ขาดออกมา 6 คน
วินิจฉัยออกมาแม้หุ้นเดียวก็ถือไม่ได้!!
แต่ปี 63 คำวินิจฉัยที่ 20-63 ท่านไปดูวัตถุประสงค์การประกอบการ และถ้าจดแล้วยังไม่เลิก ก็ถามว่า พ.ร.บ.กำกับกิจการวิทยุโทรทัศน์ ท่านก็ถามหมด เพื่อดูว่าใช่หรือไม่
กกต.เตรียมประกาศรับรอง ส.ส.สัปดาห์นี้ ถ้าเทียบกับคดีชิมไปบ่นไป ที่กลายเป็นแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ กรณีคุณพิธา สามารถเป็นแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ได้อย่างไร นายเรืองไกร บอกว่า คดีนี้เกิดขึ้นตาม รธน. 50 เป็นเรื่องต้องห้ามของ รมต. ผมเป็นคนซักเองเปิดเอง ท่านก็รับกลางศาล
กรณีคุณพิธาเทียบกับกรณีถือหุ้นสื่อของคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คุณธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ซึ่งใกล้เคียงกัน แต่ถามว่าการตรวจสอบนักการเมืองคนหนึ่งทำไมเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้
เพราะไปเข้าใจว่าตัวเองได้คะแนนมาแบบนี้ แต่มันไม่เกี่ยวกับลักษณะต้องห้าม ผมยังไม่เข้าใจว่าการพยายามชักจูง ออกเดินสาย เกี่ยวอะไรกับการสู้คดี หรือมีเจตนาอื่นแอบแฝง
ตรงนี้อยากให้ดูให้ดี อยากให้แต่ละคนเข้ามาสู้ตามกระบวนการอย่างตรงไปตรงมา เหมือนที่เคยทำหน้าที่ฝ่ายค้านมา 4 ปี ทำหน้าที่ได้ดีมาก แต่เราไม่ชี้นำ ตัดสินบนความคิดของเราก่อนกระบวนการยุติธรรมดำเนินการ
วันนี้สาระสำคัญ คือ คนที่ออกความเห็นว่าอันนี้ใช่หรือไม่ ย้อนไปถึงรับเงินภรรยา 25 ล้านบาท ผมก็เปิดให้ดูเพื่อความโปร่งใส
เช่นเดียวกับที่ไปแจ้งเปลี่ยนที่อยู่กับนายทะเบียนผู้ถือหุ้นไอทีวีถึง 3 ครั้ง โดยสัญชาตญาณ กกต.ต้องเอาตรงนี้มาด้วย และขอถามว่า
คดีหุ้นสื่อ ที่ ป.ป.ช.ระบุว่าคุณพิธาจะยื่นบัญชีทรัพย์สินภายหลัง 1 เดือน ที่ยื่นขยายเวลาออกไป สงสัยว่าปี 62 ยื่นเพิ่มเติมได้ คราวนี้มีเพิ่มเติมอะไรก็ใช้สิทธิเหมือนปี 62 ได้ และคุณพิธามีสำเนาตรงนี้ ทำไมไม่เปิด
ทีมการเมือง ถามว่า มีการหยิบยกคุณสมบัตินายกฯ ที่ระบุว่าต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต ประเด็นนี้เกี่ยวกับการห้ามถือหุ้นสื่อของผู้สมัครอย่างไร และหากรับรอง ส.ส.แล้ว ต้องพ้นจาก ส.ส.ภายหลัง ทำให้หลุดจากนายกฯ ด้วยหรือไม่
นายเรืองไกร บอกว่า ถ้าศาล รธน.วินิจฉัยสิ้นสภาพ ส.ส. หมายความว่าคุณพิธามีตำแหน่งนายกฯ หรือ รมต.แล้ว ต้องมีสมาชิกภาพเกิดขึ้นก่อน ถึงสิ้นสมาชิกภาพได้ สิ้นสุดเฉพาะตัว
ประเด็นนี้ต้องมีคำร้องขึ้นไป โดย ส.ส.หรือ กกต. เพราะศาล รธน.ไม่วินิจฉัยเกินคำขอ
ฉะนั้นคุณพิธาพ้นความเป็น ส.ส.-จะตกเก้าอี้นายกฯหรือไม่
อยู่ที่ กกต.ยื่นคำร้องและศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด.
ทีมการเมือง
…
…