ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 5 กรกฎาคม 2566
การเมือง/มั่นคง
ป.ป.ช. เปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ 40 ส.ส.
สำนักงานคณะกรรมป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำนวน 40 รายเช่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 มีรายการทรัพย์สินกว่า 85 ล้านบาท
เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อปี 2562 ครั้งนั้น นายพิธา แจ้งมีทรัพย์สิน รวมคู่สมรสทั้งสิ้นกว่า 137 ล้านบาท (137,785,190.85 บาท) แต่ในครั้งนี้ ไม่มีคู่สมรส ทำให้เมื่อเปรียบเทียบเฉพาะ ทรัพย์สินของนายพิธา คนเดียวเมื่อปี 2562 มีการแจ้งไว้กว่า 126 ล้านบาท (126,405,190.85 บาท) เท่ากับว่า นายพิธา มีทรัพย์สินลดลงจากกรณีเข้ารับตำแหน่งกว่า 41 ล้านบาท (41,351,470.67 บาท)
เตรียมนัดประชุมรัฐสภา ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี 13 กรกฎาคมนี้
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา เปิดเผยว่า ได้เชิญเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อเตรียมความพร้อม สำหรับพิธีรับสนองพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคาดว่าจะมีภายใน 1-2 วันนี้ และเตรียมการสำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นัดแรก ในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ โดยจะมีวาระที่ให้สมาชิกที่ยังไม่ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่ การกำหนดกรอบสมัยประชุมและวันในการประชุมแต่ละสัปดาห์ ส่วนการประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ได้หารือกับนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภาแล้ว เห็นตรงกันว่าให้กำหนดวันประชุมรัฐสภาในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ ซึ่งจะมีวาระเลือกนายกรัฐมนตรีหากเลือกครั้งแรกไม่ได้ 376 เสียง ต้องนัดประชุมใหม่หรือไม่ต้องดูสถานการณ์ในวันนั้น เพราะอาจจะลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีแค่การประชุมครั้งเดียว แต่หากไม่ผ่านต้องวิเคราะห์คะแนนที่ได้ว่าขาดจำนวนเท่าใด จึงจะครบ 376 เสียง โดยฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องไปหาแนวทางประสานก่อนจะมาประเมินว่าจะกำหนดวันประชุมเมื่อใด แต่โดยสรุปรัฐสภาจะต้องประชุมเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีให้ได้เพราะรัฐสภามีอำนาจหน้าที่ในการเลือกนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญกำหนดเพื่อไปบริหารประเทศและในรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดว่าจะต้องเลือกกี่ครั้งเป็นคนเดิมหรือคนใหม่ต้องดูตามความเหมาะสม ประธานจะตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ต้องปรึกษาทุกฝ่ายเพราะเรื่ององค์ประชุมเป็นเรื่องสำคัญ
ว่าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเลื่อนลำดับ ส.ส. บัญชีรายชื่อหลัง ส.ส.อีก 2 คน จากพรรคก้าวไกลและพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า จะต้องรอให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ก่อนและจะเข้าสู่กระบวนการเลื่อนลำดับต่อไป
เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว
ตรวจสอบตู้ของกลางซากสัตว์และสุกรเถื่อน 161 ตู้ หลัง DSI รับเป็นคดีพิเศษ
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร มอบหมายให้นางนันท์ฐิตา ศิริคุปต์ รองอธิบดีกรมศุลกากร พร้อมคณะ ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมปศุสัตว์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สภาเกษตรกรแห่งชาติ และสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เข้าตรวจสอบตู้ของตกค้างประเภทสุกรแช่แข็งที่ตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 161 ตู้คอนเทนเนอร์ ณ ท่าเทียบเรือ D1 ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ที่ 59/2566 กรณี ขบวนการนำเข้าสินค้าประเภท ซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
อธิบดีกรมศุลกากร ระบุว่า ภายหลังจากการตรวจสอบตู้สินค้าดังกล่าวเสร็จสิ้น ด่านกักกันสัตว์ชลบุรี กรมปศุสัตว์จะนำไปทำลาย ตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่ถูกต้อง โปร่งใส สอดคล้องกับพันธกิจของกรมศุลกากรด้านการปกป้องสังคมและส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน
กกร. คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตร้อยละ 3-3.5 ได้รับแรงหนุนจากการท่องเที่ยว
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร.ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังคงขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.0-3.5 ตามกรอบเดิมที่เคยประเมินไว้เป็นผลมาจากการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค โดยคาดการณ์ว่าปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้าประเทศกว่า 30 ล้านคน ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการจ้างงาน ขณะที่ค่าครองชีพและหนี้ครัวเรือน อยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 90.6 ต่อ GDP ซึ่งทำให้ผู้บริโภคมีข้อจำกัดและระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น
นอกจากนี้ ได้ประเมินภาคการผลิตและภาคการบริการ ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ยังคงชะลอตัว รวมถึงธนาคารกลางของประเทศฝั่งตะวันตกมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง ภาวะการเงินมีความเข้มงวดจากการปล่อยสินเชื่อใหม่ส่งผลต่อความกดดันของภาคธุรกิจและจำกัดการใช้จ่าย ทำให้เศรษฐกิจจีนมีการชะลอตัวและมีการปรับลด GDP จีน อยู่ที่ระดับร้อยละ 5.4 – 5.5 จากเดิมร้อยละ 6 ซึ่งอาจส่งผลต่อการเติบโตของภาคการส่งออกไทยในอนาคต
นายผยง กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม กกร. เห็นควรมีการเร่งการใช้จ่ายและการจัดทำงบประมาณในเรื่องเร่งด่วนรวมถึงการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น เพื่อให้การใช้จ่ายของภาครัฐไม่สะดุดและถือเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
เกษตรกรรม/สิ่งแวดล้อม
กรมฝนหลวงฯ เร่งช่วยเหลือเติมน้ำต้นทุน ช่วยลดผลกระทบต่อประชาชนและพื้นที่เกษตร
นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ลงพื้นที่อำเภอบางสะพานและอำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ติดตามการปฏิบัติการฝนหลวงช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่เนื่องจากสภาวะฝนตกปริมาณเล็กน้อย พร้อมเปิดเผยว่า ตามที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย/เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินกรณีภัยแล้ง จำนวน 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี อำเภอเมือง อำเภอสามร้อยยอด อำเภอทับสะแก อำเภอบางสะพานและอำเภอบางสะพานน้อย รวมทั้งเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ 9 แห่งมีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อยสุด ส่งผลให้พื้นที่การเกษตรส่วนใหญ่ที่มีการปลูกทุเรียน มะพร้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และกาแฟ มีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายและประชาชนขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีภูมิประเทศที่มีลักษณะเป็นแนวยาวและแคบ มีพื้นที่ติดแนวชายแดนและติดฝั่งทะเล ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการปฏิบัติการฝนหลวง หากลมในระดับบินปฏิบัติการมีกำลังค่อนข้างแรง จะส่งผลให้กลุ่มเมฆเคลื่อนที่ออกจากพื้นที่เป้าหมายสู่ทะเลค่อนข้างเร็ว จึงกำชับให้นักวิทยาศาสตร์ นักบิน วางแผนติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดในแต่ละวัน ช่วงชิงสภาพอากาศเพื่อปฏิบัติการฝนหลวงให้ทันเหตุการณ์ตรงพื้นที่เป้าหมายที่ต้องการ และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่พบปะเกษตรกรเพื่อติดตามผลการทำงานและปัญหา เพื่อนำมาวางแผนช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องต่อไป
ตรวจสุขภาพ “พลายศักดิ์สุรินทร์” ประเมินต้องเร่งรักษาต้อกระจกที่ตาเสี่ยงอาจตาบอดได้
นายสุรัตน์ชัย อินทรวิเศษ ผู้อำนวยการสำนักสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง กล่าวว่า ได้เข้าไปติดตามอาการของ “พลายศักดิ์สุรินทร์” บริเวณจุดกักกันโรค พบมีอาการปกติ กินดี ขับถ่ายปกติ รับรู้ภาษาไทยจากควาญช้าง ภาพรวมตอบสนองดีและมีปฏิกิริยาทำตาม แต่บางอย่างต้องฝึกเพิ่ม เช่น ออกคำสั่งให้ถอยหลังยังต้องดึงหางเบาๆก่อน ส่วนที่นำทรายมาเทเพิ่มเพื่อให้นอนได้ง่ายจากปกติเคยนอนแต่บนพื้นปูนซีเมนต์ แล้วมีทรายกองเตี้ยๆ เพื่อให้ย่อขาและล้มตัวลงได้ ส่วนที่พบตาข้างขวาเป็นต้อกระจกทีมสัตวแพทย์ประเมินหลังพ้นระยะกักกันโรคจะเริ่มรักษาอย่างเต็มรูปแบบที่โรงพยาบาลช้าง โดยการรักษาเช่นเดียวกับการรักษาตาคนแต่ต้องประเมินอาการก่อนหากทิ้งไว้นานตาจะบอดได้
สำหรับช่วงเวลาที่มาอยู่ในสถาบันคชบาลฯ “พลายศักดิ์สุรินทร์” สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและฟังคำสั่งภาษาไทยได้มากขึ้น โดยมีควาญช้างคอยดูแล 4 คน ชุดที่เดินทางไปรับจากประเทศศรีลังกา แบ่งเป็น ช่วงกลางคืนจะ แบ่งเวรครั้งละ 2 คน และช่วงกลางวันจะอยู่ครบ 4 คน ซึ่งแต่ละวันจะกินอาหารที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้คือ หญ้าบาน่า ที่ใช้เป็นอาหารหลักช่วงนี้ โดยทีมสัตวแพทย์จะเข้ามาตรวจสุขภาพทุกวัน
สังคม
ปัญหาทางการเมือง ภาวะเศรษฐกิจ ความขัดแย้งในครอบครัว กดดันให้ประชาชนเพิ่มอัตราความเครียดสูงขึ้น
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ปัจจุบันกรมสุขภาพจิตติดตามสถานการณ์ความเครียดของประชาชนอันเนื่องมาจากทางการเมือง พบว่าขยับตัวสูงขึ้น แต่เชื่อว่าจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ อีกไม่นานจะเข้าสู่ความลงตัว ซึ่งมองอีกมุมหนึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีที่ประชาชนมีความสนใจต่อบ้านเมือง จะนำไปสู่การค้นคว้าหาข้อมูลเสริมหลักการจนนำไปสู่การหาคำตอบที่สร้างสรรค์ ประชาชนก็จะมีทักษะความเข้าใจรอบรู้ทางการเมืองที่ดียิ่งขึ้นจนนำไปสู่การลดความขัดแย้ง แต่หากประชาชนยังคงหมกมุ่น ไม่เปิดใจรับความคิดเห็นจากผู้อื่น หรือนำความปรารถนาของตนเองเป็นที่ตั้ง จะกลายเป็นความโกรธ ขุ่นเคืองนำไปสู่ความขัดแย้ง กรมสุขภาพจิตมีคำแนะนำประเด็นดังกล่าวประชาชนต้องมีสติในการควบคุมอารมณ์ ไปจนถึงการหยุดรับข่าวสารโดยตรงก่อน เพื่อพักใจออกจากเรื่องวุ่นวายและควรหันหน้าปรึกษาคนรอบข้างที่เป็นผู้ฟังที่ดีไว้วางใจได้ จะมีส่วนนำไปสู่ความสงบลงได้
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวด้วยว่า นอกเหนือจากความเครียดทางการเมืองแล้ว ปัจจุบันยังพบแนวโน้มความเครียดจากกลุ่มวัยรุ่น วัยเรียน ที่ถูกกดดันเรื่องการเรียนและปัญหาความความรัก ขณะที่กลุ่มวัยทำงาน ประสบความเครียดด้านเศรษฐกิจ รายได้ไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพ ประสบปัญหาการว่างงาน ซึ่งทั้งหมดเป็นปัญหาที่มาแรงอันดับต้นๆ ในกลุ่มวัยทำงาน รวมถึงปัญหาอารมณ์ความขัดแย้งในครอบครัวที่พบบ่อยมากขึ้น จึงแนะนำให้ผู้ที่กำลังประสบปัญหาความเครียดในทุกด้านสามารถโทรมาปรึกษากับนักจิตวิทยา ผ่านสายด่วน 1323 กรมสุขภาพจิตพร้อมให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษา ควบคู่กับการประเมินสุขภาพจิตจนนำไปสู่การรักษาที่ถูกวิธี
ประกันสังคมเตือนผู้ประกันตนมาตรา 39 นำเงินเข้าบัญชี 432 บาท ก่อนวันที่ 15 ของทุกเดือน ป้องกันการสิ้นสภาพ
นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคม อำนวยความสะดวกในการชำระเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 39 ซึ่งมีกำหนดชำระเงินสมทบภายในวันที่ 15 ของทุกเดือนอยู่หลากหลายช่องทาง เช่น จ่ายเงินสมทบที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา หรือหักบัญชีเงินฝากธนาคาร หรือชำระผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารหรือหน่วยบริการ ไปรษณีย์ทุกสาขาทั่วประเทศ เคาน์เตอร์เซอร์วิส (7-Eleven) เคาน์เตอร์ CenPay Powered By บุญเติม เคาน์เตอร์เทสโกโลตัส และจ่ายเป็นธนาณัติ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ เป็นต้น
ล่าสุด ตัวเลขผู้ประกันตนมาตรา 39 เลือกวิธีการชำระเงินสมทบผ่านทุกช่องทางสะดวกที่สำนักงานประกันสังคมจัดไว้คอยให้บริการมีจำนวน 1,722,772 คน โดยผู้ประกันตนเลือกวิธีการจ่ายเงินสมทบมากที่สุด อันดับที่ 1 คือ หักบัญชีเงินฝากธนาคาร จำนวน 869,454 คน รองลงมา อันดับที่ 2 ผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารและหน่วยบริการ จำนวน 800,555 คน อันดับที่ 3 จ่ายเงินสมทบ ณ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 12 แห่ง/จังหวัด/สาขา จำนวน 52,763 คน
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวย้ำถึงการส่งเงินสมทบของผู้ประกันตน ม.39 ว่าเนื่องจากธนาคารจะตัดบัญชีวันที่ 15 ของทุกเดือน ขอให้ผู้ประกันตนนำเงินเข้าบัญชีให้เพียงพอ จำนวน 432 บาท และนำฝากก่อนวันที่ธนาคารจะตัดเงินในบัญชี และหากเดือนใด วันที่ 15 ตรงกับวันหยุดธนาคารจะเลื่อนหักบัญชีในวันทำการถัดไป โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ เพื่อป้องกันผู้ประกันตน มาตรา 39 สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตน
สำนักงานประกันสังคม ขอความร่วมมือผู้ประกันตนตามมาตรา 39 แจ้งหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่เป็นปัจจุบัน เพื่อรับข้อความ SMS แจ้งการหักบัญชีเงินฝากธนาคารสำเร็จ หรือไม่สำเร็จ ได้ที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขาทั่วประเทศ หรือโทร.1506 ตลอด 24 ชั่วโมง
กรมอนามัยแนะน้ำตาลมีประโยชน์ หากบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีข่าวว่าองค์การอนามัยโลก เตรียมประกาศว่าสารให้ความหวานแทนน้ำตาล Aspartame เป็นหนึ่งในสารก่อมะเร็ง ซึ่งได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบการดื่มเครื่องดื่มแบบไม่มีน้ำตาล หรือน้ำตาล 0% เพื่อต้องการควบคุมน้ำหนักไม่ให้ได้รับพลังงานจากน้ำตาลเพิ่มแต่ยังได้รสชาติหวานอยู่
กรมอนามัย ชี้ให้ประชาชนเข้าใจเกี่ยวกับน้ำตาลให้ถูกต้องว่า น้ำตาลจัดเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่ง เป็นสารอาหารที่ให้พลังงาน น้ำตาลธรรมชาติ ที่ใช้ในปัจจุบันมีหลายรูปแบบขึ้นกับวัตถุดิบและกรรมวิธีที่ผลิต ทั้งน้ำตาลทราย น้ำตาลกรวด น้ำตาลโตนด น้ำผึ้ง น้ำผลไม้ และน้ำเชื่อม เป็นต้น ส่วนน้ำตาลเทียม เป็นสารที่ผลิตขึ้นมาเพื่อแต่งเติมรสชาติหวานให้กับอาหารและเครื่องดื่มแทนน้ำตาลธรรมชาติ มีทั้งแบบที่ให้พลังงานและไม่ให้พลังงาน นิยมใช้ในผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลและพลังงาน เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก โดยสารให้ความหวานที่นิยมใช้กัน ได้แก่ Aspartame ,Saccharin ,Acesulfame potassium ซู Sucralose ,Neotame ซึ่งทั้งน้ำตาลธรรมชาติและน้ำตาลเทียม ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม หากมากเกินไปล้วนจะส่งผลกระทบกับร่างกายได้ การกินน้ำตาลธรรมชาติมากเกินไป จะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง มีภาวะน้ำหนักเกิน เสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน เป็นต้น หรือหากบริโภคน้ำตาลเทียมเป็นประจำ ลิ้นจะคุ้นกับรสหวานเกินไป อาจทำให้ติดรสหวานและไม่สามารถควบคุมอาหารการกินได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่เป็นไมเกรน ผู้ป่วยโรคลมชัก โดยเฉพาะเด็กต้องระวังเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยพบว่า แม้สารให้ความหวานจะมีแคลอรีต่ำ แต่ส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ เพราะกระตุ้นให้เกิดการผลิตเซลล์ไขมันมากขึ้น หากร่างกายต้องการความหวาน ควรกินน้ำตาลแต่พอดีคือ เด็กไม่ควรกินน้ำตาลเกิน วันละ 4 ช้อนชา
สำหรับผู้ใหญ่ไม่ควรกินน้ำตาลเกิน วันละ 6 ช้อนชา และควรจำกัดการกินสารให้ความหวานแทนน้ำตาล แต่เลือกกินน้ำตาลจากธรรมชาติหรือน้ำตาลจากผลไม้สด เพราะมีประโยชน์และให้คุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลาย อุดมไปด้วย วิตามิน เกลือแร่ ใยอาหาร และไฟโตนิวเทรียนท์ แต่ควรเลือกผลไม้หวานน้อย เช่น กล้วย แอปเปิล ส้ม ฝรั่ง สาลี่ แตงโม สตรอว์เบอร์รี และออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อสุขภาพที่ดี
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา
ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา
แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว
{{item.title}}
{{item.date}}
90-91 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. 10310
โทรศัพท์ 02-248-8600, Fax 02-369-2579
nnt.thainews © 2021 All rights reserved.